เดินหน้า“ศูนย์กันชน” ไขปริศนาข่าว“ต่ออายุแม่ทัพ”

อยู่ดีๆ ก็มีข่าวว่ารัฐบาลเตรียมยุบศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ที่มี พล..ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็น ผอ.ศูนย์ฯ โดยมีรักษาการนายกฯ เลยไปถึง โฆษก ศบ.ทก.ออกมาให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าอาจจะมีการยุติบทบาทของ ศบ.ทก.จริง

ทำให้เกิดกระแสโจมตีพุ่งตรงไปที่รัฐบาลในทำนองว่า เป็นคนสั่งการด้วยเหตุผลความเกรงใจ “กัมพูชา” มากเกินไปหรือไม่ เพราะแค่ “ฮุน เซน” เขียนข้อความในเฟซบุ๊กตั้งคำถามว่า ตั้ง ศบ.ทก.ขึ้นมาทำไมถ้าตัวเองบริสุทธิ์ ก็มีกระแสข่าวความเคลื่อนไหวในประเด็นยุบ ศบ.ทก.ออกมาทันที

แน่นอนว่าทัวร์ลงไปที่เป้าหมายแรกคือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการนายกรัฐมนตรีในทันที ยิ่งเจ้าตัวออกมา

แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งออกมาขอรับบริจาคลวดหนามหีบเพลง ก็ยิ่งถูกถล่มเละว่านึกถึงแต่ภาพลักษณ์ของรัฐบาล ทั้งที่ข้อเท็จจริงของปัญหาคือขั้นตอนในการจัดซื้อของกองทัพต้องใช้เวลา และสเปกที่กองทัพต้องการยังขาดตลาด

เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงของ “ผู้ปฏิบัติงาน ที่ต้องการความรวดเร็วตอบโจทย์หน้างาน แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลกลับพะวงอยู่กับประเด็นดรามา ก้าวไม่พ้นเรื่องการเมืองอยู่วันยังค่ำ จนต้องออกมาชี้แจงผ่าน ศบ.ทก.ว่ารัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนกองทัพในการรักษาอธิปไตย

จนในที่สุดเพจของ ศบ.ทก.ออกมาโพสต์ข้อความว่า “พิจารณาประเมินสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา ยืนยันไม่ยุบ ศบ.ทก.” พร้อมทั้งเผยแพร่คำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษา และมอบหมายงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ “ภูมิธรรม” ที่ระบุว่า เดิมได้คุยกับ พล..ณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่า ในช่วงสถานการณ์ที่คลี่คลาย ซึ่งเป็นการประเมินจากหน้างาน หากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการยุบศูนย์และปล่อยอำนาจให้กระทรวงต่างๆ ได้ทำหน้าที่ แต่หลังประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เสร็จสิ้น ยังมีสถานการณ์เกิดขึ้น ในลักษณะบานปลาย

ขณะนี้ที่มีการพูดคุยกันมาสม่ำเสมอเห็นว่า ควรจะประเมินสถานการณ์ให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เพราะขณะนี้ยังมีประเด็นต่างๆ อยู่ และยังไม่มีการปรับการบริหารทางยุทธวิธี จึงไม่สามารถที่จะยุติหน่วยงานได้ในทันที” ภูมิธรรมระบุว่า จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 18 ส.ค.นี้ เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง

บางมาตรการต้องใช้กลไก “สมช.-ศบ.ทก.” เพื่อให้กองทัพผ่อนปรน แต่จากท่าทีของ พล.อ.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ประกาศชัดว่าจะยังไม่เปิดด่าน และกล่าวติดตลกว่าอาจปิดยาวไปจนกว่าตัวเองจะเกษียณ เหมือนเป็นการสื่อสารไปถึงกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากธุรกิจบ่อนการพนัน

อีกด้านรัฐบาลก็ได้รับการกดดันจากพ่อค้า-นักธุรกิจ ที่ต้องการผ่อนปรนเปิดด่านฝั่ง จ.สระแก้ว เพราะไม่มีการสู้รบตรงจุดนี้ แต่กองทัพมองว่าการปิดท่อน้ำเลี้ยงจากเงินที่เข้าสู่ธุรกิจสีเทาตามแนวชายแดน จะสร้างแรงกดดันกับชนชั้นนำของกัมพูชาได้ 

การใช้ “ศบ.ทก.” เป็นส่วนประสานก็เพื่อลดแรงกระแทก หรือเป็นกันชนให้รัฐบาลอีกชั้นหนึ่ง จึงถือว่าในภาพรวมยังมีความจำเป็น เพราะการกระทบกระทั่งตามแนวชายแดน และในโลกข้อมูลข่าวสารยังไม่จบสิ้นสมบูรณ์อย่างเบ็ดเสร็จ

แม้การแสดงจุดยืนของแม่ทัพภาคที่ 2 อาจทำให้คนในรัฐบาล หรือใครบางคนไม่พอใจ เพราะทำให้รัฐบาลคะแนนนิยมตกต่ำ ขณะที่กองทัพกลับได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลกับกองทัพก็ไม่ได้หักกันด้วยความหมายของการยืนอยู่ฝ่ายตรงข้าม

 แต่การดำเนินนโยบายและท่าทีของรัฐบาลนั้น อาจเรียกได้ว่า “ไปไม่สุด” ในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จนทำให้กองทัพต้อง “เหนื่อย” กว่าปกติ และหนีไม่พ้นที่แม่ทัพภาคที่ 2 จะถูกมองว่าเป็น “กล้ามเนื้อนอกบังคับ” หรือไม่ เพราะมีเสียงเชียร์กับฝ่ายที่เคยเป็นปฏิปักษ์กับ “ระบอบทักษิณ” ให้มีการต่ออายุแม่ทัพ

โดยเฉพาะจากแกนนำมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ซึ่งมามอบโดรนหลายรุ่นให้กับกองทัพภาคที่ 2 ใช้ในการปฏิบัติงานชายแดน ที่มีข้อเสนอ 3 ข้อ ได้แก่ 1.อย่าเปลี่ยนตัวว่าที่แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ให้เป็นไปตามที่ พล..บุญสิน พาดกลาง เสนอเท่านั้น 2.ขอพระราชทานยศเป็น พลเอก บุญสิน พาดกลาง เป็นกรณีพิเศษ ที่ยึดคืนแผ่นดินไทยกลับมาได้มากที่สุดในรอบ 17 ปี 3.เชิญมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ซึ่งตำแหน่งว่างอยู่)

โดยเจ้าตัวออกมาให้สัมภาษณ์ดับกระแสข่าวลือดังกล่าวว่า “เป็นเรื่องกระแสสังคมมากกว่า แต่ผมจะปฏิบัติหน้าที่ตามอายุราชการ วันที่ 30 ..ก็จบหน้าที่แล้ว และขอขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ และในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ผมมั่นใจ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับชาตามลำดับชั้น ในการคัดเลือกคนที่เหมาะสม กองทัพสร้างคนมาทดแทนได้อยู่แล้ว

หากมองไปที่ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ อาจเป็นการ “ฟัง” ข้อมูลมาแล้วสกัดออกมาเป็นประเด็นเพื่อ “ตีกัน” ไม่ให้ใครบางคนทำตามความต้องการบางอย่าง แต่โดยสถานการณ์ที่กองทัพกำลังเข้มแข็ง การเมืองร่อแร่โผทหารก็คงไม่ถูกแทรกแซงเปลี่ยนแปลงได้เหมือนทุกครั้ง 

ชื่อ พล..วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 ซึ่งได้รับการวางตัวมารับไม้ต่อในตำแหน่งนี้ก็คงได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ไม่ยากนัก ทำให้การรับไม้ “ไร้รอยต่อ” เนื่องจาก “รองเติ่ง” เป็นผู้บังคับหน่วยในพื้นที่อีสานใต้มาก่อน และช่วงสถานการณ์สู้รบที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็น “คีย์แมน” สำคัญในแผนยุทธบดินทร์ เนื่องจากเป็นรองแม่ทัพที่ดูสายงานยุทธการและงานข่าวอยู่แล้ว เป็นทีมเดียวกับ แม่ทัพกุ้ง และ ผบ.ปู-พล..พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ซึ่งมีสไตล์เงียบๆ แต่เด็ดขาด  

ขณะที่กรณีขอพระราชทานยศพลเอกนั้น อาจเป็นเพียงการฟังจาก “เสียงลือแบบปากต่อปาก” แล้วไปตีความจนน่าหวาดเสียวในเรื่องของขั้นตอน ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องเป็นเรื่องตามพระราชอัธยาศัย ไม่ใช่ใครจะไปขอพระราชทานได้

สำหรับตำแหน่ง รมว.กลาโหมนั้น เป็นความไม่ลงตัวนับแต่การปรับ ครม.รอบที่ผ่านมา เพราะทหารที่มาจากโควตาพรรคไม่ได้รับการยอมรับจาก "กองทัพ" จึงต้องมีการขอ “ไอเดีย” ทางไกล ชื่อที่ออกมาจึงกลายเป็น “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เตรียมทหารรุ่น 21 แต่ยังติดล็อกเรื่องการเว้นวรรคการเมืองหลังดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิก จึงต้องดัน พล.อ.ณัฐพลขึ้นไปเป็น รมว.กลาโหมแทน เพื่อทำหน้าที่เป็น “โซ่ข้อกลาง” ในการทำงานกับกองทัพบกไปก่อน แต่ก็ถูกพรรคขวาง เพราะถูกนำโควตาโยกไปกระทรวงอื่นแล้ว จึงวาง พล.อ.ณัฐพลไว้ที่ตำแหน่ง รมช.กลาโหม ขัดตาทัพไปก่อน

ส่วนการที่เสนอให้เชิญบิ๊กกุ้งมาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ถือเป็นสมการให้ “ชวนคิด” ในเรื่อง “ทีมเวิร์ก” การแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชา ที่ไม่น่าจะจบลงได้ง่ายๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ย้อนแย้งกับข้อที่ 1 และอาจเป็นแค่การแซะการเมืองในการหาตัว รมว.กลาโหม คุมเกมกองทัพกันในช่วงปรับ ครม.ก่อนหน้านี้ด้วย. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง

ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' จับตาใช้สูตรปี66 จัดลำดับ

สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์พท. แกนนำรุ่นใหญ่ ภูมิธรรม-สมศักดิ์-เสี่ยเพ้ง-สรวงศ์ ส่งลูก-หลังบ้าน-เครือญาติเข้าพรรค พวกย้ายพรรค-โยกสลับจากสอบตกเขตเพียบ จับตาอาจใช้สูตรเดิม เอาตัวเต็งรมต.ไว้ท้าย ลดแรงกระเพื่อม

ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี

นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง

หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

'ทหารผ่านศึก' รวมพลังส่งกำลังใจทหารชายแดน 'รมว.กห.' ย้ำเงื่อนไขหยุดยิง

ทหารผ่านศึกรวมพลังส่งกำลังใจทหารชายแดน ด้าน 'บิ๊กเล็ก' ส่งรองเสธ.ทหาร ร่วมถก รมว.กต.อาเซียน ย้ำไทยหยุดยิงหากกัมพูชาสิ้นปฏิปักษ์ชัดเจนเปิดเผยต่อเนื่อง เคืองนานาชาติไม่ประณามปมวางทุ่นระเบิด