วันที่ 29 สิงหาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยสำคัญ กรณีคลิปเสียง “อังเคิล”-ฮุน เซน ที่พัวพันถึง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ว่าจะมีผลอย่างไรต่อเก้าอี้ผู้นำประเทศ
ท่ามกลางข่าวลือและแรงกดดันจากทุกทิศ ทั้งฝ่ายที่หนุนนายกฯ และฝ่ายที่ต้องการให้ออกจากตำแหน่ง กระแสสังคมคาดหวังว่าศาลจะชี้ขาดบนหลักแห่งความยุติธรรม แต่ไม่ว่าอย่างไร ผลลัพธ์ย่อมสะเทือนเสถียรภาพรัฐบาลเพื่อไทยแน่นอน
หากศาลชี้ว่า “แพทองธาร”รอด พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะอยู่ครบวาระ และรีบเร่งเดินหน้าสร้างผลงานเพื่อกอบกู้ศรัทธา แต่ยังมี “ดาบสอง” จากคดีมาตรา 144 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องโครงการแจกเงินหมื่นเข้าตรวจสอบ
ซึ่งหากชี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ นายกฯ ก็อาจหลุดจากตำแหน่งได้เช่นกัน ซ้ำรอย “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เมื่อไม่นานมานี้
นอกจากนี้ในสภาฯ ยังรอแรงกดดันจากฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลที่พร้อมยื่นญัตติทั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151 และอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ มาตรา 152 ภายใต้สถานการณ์รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่เปิดสภาฯ แทบทุกครั้งก็แทบจะล้ม สะท้อนความเปราะบางของเสียงฝ่ายรัฐบาล
ในอีกด้านหนึ่ง หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า “แพทองธาร” ร่วง เพราะผิดจริยธรรมร้ายแรงและไม่ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ สภาฯ จะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ทันที
พรรคเพื่อไทยมีแผนสำรองคือ เสนอชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค แต่ชื่อดังกล่าวเคยถูกปฏิเสธจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะในอดีตมีประวัติการเสนอแก้ประมวลกฎหมาย มาตรา 112 ทำให้ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม
ยิ่งกว่านั้นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ย่อมตามมาด้วยการต่อรองตำแหน่งและผลประโยชน์รอบใหญ่จากพรรคร่วมรัฐบาล ที่ทำให้ “สทร.” ต้องกลืนเลือดเป็นปี๊บๆ หากต้องการดัน “ชัยเกษม” โดยอ้างว่าได้ปรับทัศนคติไม่คิดแก้มาตรา 112 แล้ว
อีกทางเลือกคือหันไปพึ่งแคนดิเดตพรรคร่วมรัฐบาล เช่น “บิ๊กตู่”-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หรือ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
แต่ทั้ง 2 ก็เผชิญข้อจำกัดของตัวเอง “บิ๊กตู่” สมัยเป็นนายกฯ เคยผ่านยุคมาตรา 44 และ สว.หนุนเต็มสภาฯ ที่มีอำนาจเลือกนายกฯ ได้ ยังแทบไม่รอด
ขณะที่ “พีระพันธุ์” ก็เผชิญทั้งแรงต้านในพรรคตัวเอง และคดีในชั้น ป.ป.ช.ต่างๆ เริ่มใกล้ชี้มูลเข้ามา รวมทั้งกระแสไม่ยอมรับจากสังคมเริ่มมีมากขึ้น
อีกหนึ่งทางออกที่ถูกพูดถึงคือ ให้ “มท.อ้วน”-“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกฯ ยุบสภาฯ เพื่อเปิดทางเลือกตั้งใหม่ แต่ฝ่ายกฎหมายรัฐบาล โดยเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็เคยระบุว่า “รักษาการนายกฯ ไม่มีอำนาจยุบสภาฯ” หากทำอาจเจอศาลเบรกทันที รวมถึง “มท.อ้วน” อาจมีความผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกด้วย
เมื่อสถานการณ์นายกฯ ไม่รอด ยังเปิดโอกาสให้ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในปีกฝ่ายค้าน เสนอตัวขึ้นชิงตำแหน่งนายกฯ ขึ้นมาแข่งในสภาฯ
โดยมีฝ่ายค้านสนับสนุนทั้งพรรคประชาชน และพรรคพลังประชารัฐ ฯลฯ และอาจดึงบางส่วนจากฝ่ายรัฐบาลมาร่วมขั้วได้ หลังได้กลิ่นสัญญาณทางการเมืองอาจเปลี่ยนข้างแล้ว รวมถึงยังมีภาพปรากฏการณ์ร่วมกับนายทุนใหญ่ของประเทศมายืนเคียงข้างด้วย
ส่วน พรรคส้ม แม้จะไม่ร่วมส่งคนมาเป็นรัฐมนตรี แต่ก็พร้อมสนับสนุนเพื่อแก้รัฐธรรมนูญและปูทางสู่การยุบสภาฯ อีกทั้ง “อนุทิน” ยังมีโอกาสดึงคนนอกที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานกู้วิกฤตประเทศได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ไม่ว่าจากศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาทางไหน ยังมีแรงกดดันจากภาคประชาชน ที่ไม่อาจมองข้าม “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ประกาศว่า ขณะนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย รอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 ส.ค.อย่างใกล้ชิด
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต้องรอดูอารมณ์ของพี่น้อง ประชาชน เพราะเราจะไม่ก้าวไปไกลกว่าสถานการณ์และเกินกว่าความรู้สึกเนื้อแท้ของประชาชน สิ่งสำคัญถ้าแต่ละองค์กรไม่ทำหน้าที่แล้ว ท่ามกลางกระแสรักชาติขึ้นสูงสุด สถานการณ์จะไปไกลมาก” นายจตุพร กล่าว
ทั้งนี้ มีการประเมินว่า หาก แพทองธาร รอด คณะรวมพลังแผ่นดินฯ จะชุมนุมที่หน้าทำเนียบฯ เพื่อขับไล่นายกฯ อย่างต่อเนื่อง แต่หากไม่รอดก็จะเคลื่อนไหวที่หน้ารัฐสภา คัดค้าน “ชัยเกษม” เป็นนายกฯ เพราะมองว่าพรรคเพื่อไทยหมดความชอบธรรมแล้ว
ไม่ว่าผลลัพธ์วันที่ 29 สิงหาคม จะออกมาเช่นไร พรรคเพื่อไทย ภายใต้เงาของ “ระบอบทักษิณ” ก็ยังคงเดินอยู่บนเส้นทางการเมืองที่เต็มไปด้วยสถานการณ์นรกทุกจังหวะ!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"
ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’
นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ
โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!
หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน
ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม
เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ
เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2

