คณะรัฐมนตรีชุดแรกของนายกรัฐมนตรี “อนุทิน ชาญวีรกูล” หรือ “ครม.หนู 1” ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ โดยมีการจัดสรรตำแหน่งออกเป็น กลุ่มคนนอก ที่ดึงบุคคลภาพลักษณ์ดีเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและนอกประเทศ กับกลุ่มนักการเมืองตัวจริงที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล และกลุ่มบ้านใหญ่ในภูมิภาคที่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคภูมิใจไทยและพันธมิตร เพื่อต่อยอดอำนาจสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไปในอีก 4 ปีข้างหน้า รวมถึงยังมี กลุ่มสายล่อฟ้า ที่อาจทำให้รัฐบาลอายุสั้นกว่า 4 เดือนอีกด้วย
ในส่วนของคนนอกที่เป็นมืออาชีพและมีชื่อเสียงน่าเชื่อถือ ประกอบด้วย นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
กลุ่มนี้ถูกมองว่าเข้ามาช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้รัฐบาล ทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตและฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ปากท้อง การเมือง และความสัมพันธ์กับต่างประเทศ หากทำสำเร็จจะเป็นแต้มต่อให้อยู่ครบกำหนด และยังสร้างความเชื่อมั่นต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าหากภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาลจะมี ครม.ภาพลักษณ์ดีเช่นนี้
กลุ่มนักการเมืองเป็นสิ่งสำคัญที่พรรคภูมิใจไทยต้องตอบแทน มิฉะนั้นอาจทำให้พรรคแตกได้ โดยเฉพาะ “กลุ่มบ้านใหญ่” และเครือข่ายกลุ่มทุนในภูมิภาค เช่น พิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บ้านใหญ่สายภาคใต้, สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม บ้านใหญ่อยุธยา, ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม บ้านใหญ่อุทัยธานี จากตระกูล “ชาดา ไทยเศรษฐ์”, ภราดร ปริศนานันทกุล ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บ้านใหญ่อ่างทอง
ยังมีรายชื่อ “ศศิธร กิตติธรกุล” บุตรสาว “สมศักดิ์ กิตติธรกุล” หรือ “โกหงวน” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ขาใหญ่ภาคใต้ ที่ภูมิใจไทยกวาดเก้าอี้ สส.กระบี่ได้ 3 คน โดยเธอจะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นการตอบแทนโควตาที่รับปากไว้ล่วงหน้า
รวมถึงคนเก่าคนแก่ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคสีน้ำเงิน คือ น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช สส.ลพบุรี 3 สมัย ที่อยู่กับพรรคมาตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปลายปี 2551 ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และยังมีการกลับมาของ โสภณ ซารัมย์ สส.หลายสมัยจากบุรีรัมย์ คนสนิท “ครูใหญ่” ที่จะนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี หลังจากก่อนหน้านี้ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาแล้ว
ขณะเดียวกัน ครม.ชุดนี้ยังมีรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกมองว่าเป็น “สายล่อฟ้า” เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนตรวจสอบคุณสมบัติ และถูกจับตาว่าอาจทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเครือข่ายการเมืองและธุรกิจ
โดยเฉพาะกรณีของ “รัฐมนตรีคนดัง” ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติ แต่ นายกฯ อนุทิน ได้รับการยืนยันจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ว่าไม่มีปัญหา เนื่องจากก่อนหน้านี้พรรคส้มเคยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว และศาลไม่รับคำร้อง โดยระบุว่าไม่รับเขตอำนาจในศาลต่างประเทศ
รวมถึงยังเคยยื่นให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาและมีความเห็นว่าไม่เข้าข่ายจริยธรรมร้ายแรง เพราะเป็นเหตุที่เกิดก่อนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ได้เกิดขึ้นขณะดำรงตำแหน่ง และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุดและมีผลผูกพันทุกองค์กร
นอกจากนี้ ยังพบลูกชายของอดีตรัฐมนตรีโควตาพรรคร่วมรัฐบาลที่ถูกจับตาเกี่ยวกับดีลซื้อขายตึกที่ราคาพุ่งจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาท
รัฐมนตรีบางคนถูกยื่นให้ ป.ป.ช.เอาผิดทั้งกรณีปล่อยให้ใช้เงินกองทุนแห่งหนึ่งซื้ออาคารในราคาสูงเกินจริงเกือบ 2 เท่า และพัวพันคดีแรงงานไทยไปเก็บผลไม้ที่ต่างประเทศ โดยมีการหักค่าหัวคิวหรือไม่
ส่วนรัฐมนตรีคนนอก เป็นหนึ่งในรายที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาในคดีที่บริษัทแห่งหนึ่งใช้เอกสารเท็จเบิกเงินสินเชื่อจากธนาคารดัง เพื่อนำไปชำระค่าสินค้านำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ
รวมถึงรัฐมนตรีที่ใกล้ชิดกับสายบุรีรัมย์ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า การทำงานอาจเข้ามายุ่งเหยิงเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ในคดีสำคัญ เช่น คดีฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา และคดีที่ดินเขากระโดง หากเป็นเช่นนั้นนอกจากอายุจะสั้น ยังอาจสั่นคลอนกระทบไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า
ยังมีรายงานว่า อดีตรัฐมนตรีในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งกลับมานั่งเก้าอี้ใน ครม.ชุดนี้ กำลังถูก ป.ป.ช.ตั้งคณะกรรมการไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติ หลังตรวจสอบเส้นทางการเงินพบความเคลื่อนไหวหลายล้านบาทที่โยงไปถึง สส.ภาคใต้ ผ่านบัญชีของผู้ช่วย สส.
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า มั่นใจว่ารัฐบาลเฉพาะกาล 4 เดือน และเข้าใจดีถึงความอึดอัดถึงโฉมคณะรัฐมนตรีบางคนที่ถูกข้อกังขาของสังคม แต่เชื่อว่าด้วยรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วยรัฐสภาเสียงปริ่มน้ำ ต่อให้เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หน้าตารัฐมนตรีก็ยังคงวนเวียนอยู่กับกลุ่มเดิม ทั้งนี้ สิ่งที่ไม่ควรกระทำในระยะเวลา 4 เดือนคือ การฮั้ว สว. เขากระโดง และการเข้ามาของนายทุนที่เชื่อมโยงไปถึงทุนฝั่งกัมพูชา
“ถ้าเขาตั้งหน้าตารัฐมนตรีที่ดี เขาก็ควรได้รับคำชมจากประชาชน ถ้าเขาตั้งรัฐมนตรีเป็นคนที่ประชาชนไม่ต้องการ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบจากประชาชน นายอนุทินก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ” นายวิโรจน์กล่าว
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ครม.หนู 1 อาจมีอายุสั้น หากรายชื่อรัฐมนตรีเป็นไปตามที่สื่อรายงาน เพราะเสี่ยงถูกยื่นเรื่องร้องเรียนขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบสภาเพื่อหลีกเลี่ยงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และอาจทำให้เกมการเมืองและข้อตกลง MOU ต้องปิดฉากก่อนครบกำหนด 4 เดือน
ส่วนรัฐบาลจะอายุสั้นตามข้อสังเกตดังกล่าวนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลัง “ครม.อนุทิน” ถูกตั้งมาด้วยกลไกพิเศษเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะกิจ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


