รทสช.แตกยับ!โดดเดี่ยว‘หัวหน้า’ ลุ้น!ฉากสุดท้าย'พรรคเฉพาะกิจ'

"พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)" พรรคการเมืองที่เคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเมื่อครั้งเริ่มก่อตั้งขึ้นด้วยดีเอ็นเอของลุงตู่พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปี 2564 ปัจจุบันขับเคลื่อนการทำงานมาแล้วร่วม 4 ปี จาก พรรคเฉพาะกิจรวม ทีมเด็กสายลุงตู่ เพื่อผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์สู่เก้าอี้นายกฯ ในการเลือกตั้งปี 2566

ก่อนขยับขยายจากพรรคขนาดเล็ก ตั้งเป้าหมายก้าวสู่พรรคขนาดกลางและพรรคขนาดใหญ่ให้ได้ ภายใต้การนำของ ตุ๋ย-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค เคียงคู่ ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคในขณะนั้น

แต่ล่าสุด รวมไทยสร้างชาติ ถือว่าอยู่ในจุดวิกฤต ด้วยปัญหาภายในที่สะสมมานาน มีเสียงสะท้อนตั้งแต่เรื่องการทำงานที่ลูกพรรคเข้าถึงหัวหน้าได้ยาก การประสานงาน การเสนอแนะต่างๆ เสมือนถูกปิดโอกาส ไม่ได้รับการตอบสนอง โดยจุดแตกหักแรกคือกลุ่ม นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ รทสช. นำทีม สส. 18 คนออกไปตั้งกลุ่มใหม่

 ทำให้ สส.ทั้งหมดของพรรคที่มี 36 คน เหลือเพียง 18 คนเท่านั้น ซึ่งในจำนวน 18 คนที่ออกไปกับนายสุชาตินั้น มีคนของ "นายทุนใหญ่" ด้วย 2 คน แต่เมื่อนายสุชาติเปิดตัวร่วมงานกับรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีเพียง 16 คนที่ไปต่อ หรือเรียกว่า กลุ่ม 16” ส่วน 2 คนเพียงร่วมโหวตนายกฯ ให้นายอนุทิน แต่ไม่เดินร่วมในกลุ่มนายสุชาติแล้ว

ขณะที่ล่าสุด กลุ่ม สส.ชุมพรนำโดย นายชุมพล จุลใส อดีต สส.หลายสมัยจังหวัดชุมพร พร้อมนายสุพล จุลใส สส.ชุมพร และนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร สทสช. พา นายนพพร อุสิทธิ์ หรือนายกโต้ง นายก อบจ.ชุมพร และทีม อบจ.ชุมพร สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา

แต่ไม่ปรากฏ ขิง เอกนัฏ ที่เป็นแม่ทีม สส.ใต้ไปร่วมสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแต่อย่างใด แต่กลับมีภาพนายเอกนัฏนั่งร่วมทีม สส.ชุมพรทั้งหมด ในวงดินเนอร์กับนายอนุทิน ที่ร้านอาหารย่านพระราม 6

ทั้งนี้แม้ นายเอกนัฏ จะไม่เปิดตัวแบบทางการในการร่วมงานกับ ภท.เหมือนทีมชุมพร แต่ที่แน่ชัดการร่วมงานกับ รทสช. เจ้าตัวประกาศแยกทางกับ นายพีระพันธุ์ชัดเจนแล้ว

โดยมีรายงานว่า เมื่อวันประชุมพรรค 10 กันยายนที่ผ่านมา ที่มีการเรียกร้องเรื่องปรับโครงสร้างพรรคใหม่ และมีการถกเถียงกันในที่ประชุม จนบรรดาลูกพรรคถามหัวหน้าพรรคว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ซึ่งนายพีระพันธุ์ยืนยันจะเดินหน้าพรรคต่อไปในแบบเดิม แต่นายเอกนัฏได้ประกาศกลางวงประชุมทันทีว่าขอลาออกจากเลขาธิการพรรค ขณะที่นายพีระพันธุ์ได้ถามกลับด้วยว่าจะออกทำไม?” 

และมีรายงานด้วยว่า ในที่ประชุมวันดังกล่าวสถานการณ์ค่อนข้างดุเดือด มีบางคนพูดถึงขั้น ไม่มีใครเขาเอาหัวหน้าแล้ว!” ทำให้บรรดา สส.ที่เข้าร่วมประชุมและไม่เลือกเดินต่อกับ "หัวหน้าพี" ต่างทยอยเดินออกจากห้องประชุม...

หลังจากนั้นไม่นาน นายเอกนัฏ ยื่นหนังสือลาออกจากเลขาธิการพรรคอย่างเป็นทางการ รวมถึง นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ยื่นลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ยื่นลาออกจากโฆษกพรรคด้วย ซึ่งทั้ง 2 คนอยู่ทีมเดียวกับนายเอกนัฏ และยังไม่ได้เปิดหน้าร่วมงานกับพรรคใด

นอกจากนี้ยังมี เสธ.หิ” - หิมาลัย ผิวพรรณ อดีตผู้อำนวยการพรรค ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมนำ สส.นครสวรรค์ไปด้วย เพื่อร่วมงานกับ ..ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม แต่เจ้าตัวยืนยันไม่ได้มีปัญหากับหัวหน้าพรรค

อย่างไรก็ตาม ภายหลังพรรคแตกออกเป็นหลายกลุ่ม แต่ 3 กลุ่มหลักที่ยังต้องร่วมสวมโลโก้รวมไทยสร้างชาติอยู่ คือ กลุ่มของนายสุชาติ กลุ่มนายเอกนัฏ และกลุ่มนายพีระพันธุ์ ซึ่งเมื่อเช็กเสียงของกลุ่มนายพีระพันธุ์ที่ยังเหลืออยู่เวลานี้ อาทิ นายชัชวาลล์ คงอุดม หรือ ชัช เตาปูน สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมลูกชาย นายชื่นชอบ คงอุดม รองหัวหน้าพรรค นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค และนายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรค ที่ยังไม่ตัดสินใจชัดเจนว่าจะไปต่อกับกลุ่มใด นายอนุชา บูรพชัยศรี สส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น

ขณะที่ความเคลื่อนไหว นายพีระพันธุ์ หลังเก็บตัวเงียบไม่เคยออกมาชี้แจงในประเด็นดังกล่าว ล่าสุดได้ออกมาเปิดใจปมพรรคแตก และอนาคตของ รทสช.ผ่านเพจเฟซบุ๊กพรรคเมื่อค่ำวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าของพรรคจากนี้ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว จะมีการเช็กเสียงที่เหลือทั้งหมดอีกครั้ง และจะนัดประชุมใหญ่เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่ต้องจับตาว่าใครจะได้นั่งตำแหน่งใด และเก้าอี้เลขาธิการพรรคจะเป็นของใคร หลังมีการโยนหินอาจเป็นชัช เตาปูนหรือไม่?

ส่วนสถานการณ์ตอนนี้ที่เรียกว่าพรรคแตกยับ! ยังต้องติดตามกันต่อไปว่า หัวหน้าพีจะสามารถรวบรวมขุนพลเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งที่จะถึงนี้ได้มากน้อยแค่ไหน หรือนี่จะเป็นการนับถอยหลัง หมดเวลาของ พรรคเฉพาะกิจ อย่าง รวมไทยสร้างชาติ แล้วจริงๆ?.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)