“อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี” บอกไว้ว่า หลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาที่คาดว่าจะเป็นช่วง 29-30 ก.ย.เสร็จสิ้น รัฐบาลจะประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในวันรุ่งขึ้นทันที โดยคาดการณ์ได้ไม่ยากว่า ประชุม ครม.นัดแรก วาระสำคัญๆ ก็คงไม่พ้นเรื่องการแบ่งงาน-หน่วยงานรัฐให้รองนายกรัฐมนตรี และ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรีแต่ละคนรับผิดชอบ ตลอดจนการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองในตำแหน่งหลักๆ เช่น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี-โฆษกและรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี-ที่ปรึกษารัฐมนตรี-เลขานุการรัฐมนตรี เป็นต้น ส่วนที่มีการจับตามองกันว่า ประชุม ครม.นัดแรก รัฐบาลภูมิใจไทยจะมีการ
"เด้งด่วน-ล้างบาง-เช็กบิลบิ๊กข้าราชการ"
บางกระทรวง ที่ชัดเจนว่าใกล้ชิดหรือมีความสัมพันธ์อันดีกับขั้วอำนาจเก่า-รัฐบาลเพื่อไทย และดึงเอาบิ๊กข้าราชการที่โดนเด้งในบางกระทรวง เช่น ก.มหาดไทย หลังภูมิใจไทยถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้านเมื่อ มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อตั้งให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งหลักเหมือนเดิมหรือดันให้มีตำแหน่งใหญ่ขึ้น ในการประชุม ครม.นัดแรกเลยหรือไม่
ประเมินแล้ว ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าจะมีการเด้ง-ล้างบาง-จัดทัพใหม่ เร็วสุดก็น่าจะเกิดขึ้นในการประชุม ครม.นัดที่ 3
ยกเว้นบางตำแหน่งปล่อยยาวไว้ไม่ได้จริงๆ ก็อาจต้องเด้งด่วนกันตั้งแต่ประชุม ครม.นัดที่ 2 ที่ก็เข้าสู่ช่วงเดือน ต.ค.ไปแล้ว แต่เสี่ยงจะถูกวิจารณ์ว่ารัฐบาลเข้ามาก็เด้งด่วน-เอาคืนกันแต่หัววัน
โดย "บิ๊กข้าราชการ" ตำแหน่งหลักๆ ที่ถูกจับตามองว่า อยู่ในลิสต์ บัญชีดำ เตรียมเก็บของ เพราะเสี่ยงถูกเด้งสูง
ชื่อแรกเลย คงไม่พ้น “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ” ที่เข้ามาเป็นอธิบดีดีเอสไออย่างเป็นทางการเมื่อ 1 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา โดยชื่อนี้เป็นที่รู้กันเป็นน้องรัก-มือทำงานที่ใกล้ชิดแนบแน่นกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม เพราะ พ.ต.ต.ยุทธนาสมัยเป็นตำรวจ ก็โตมาจากกองปราบปราม ในยุค พ.ต.อ.ทวี เป็น ผกก.2 กองปราบปราม ก่อนจะโอนย้ายไปดีเอสไอเพื่อเป็นรองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งทั้ง พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา ก็โอนจากตำรวจย้ายมาดีเอสไอช่วงเดียวกันปี 2547 จึงทำให้การสั่งงานระหว่าง พ.ต.อ.ทวี สมัยเป็น รมว.ยุติธรรม กับ พ.ต.ต.ยุทธนา จึงรับลูกกันรวดเร็ว โดยเฉพาะกับ "คดีการเมือง"
ยิ่งตอนนี้เห็นชัด พ.ต.อ.ทวี กลายเป็น "คู่แค้นการเมืองของเนวิน-พรรคสีน้ำเงิน ภูมิใจไทยเบอร์ต้นๆ" เผลอๆ อาจเป็นเบอร์ 1 ด้วยซ้ำ หลัง พ.ต.อ.ทวีไฟเขียวสั่งการให้ดีเอสไอ ยุค พ.ต.ต.ยุทธนา สอบสวนคดีการเมือง ก็มีการรับลูกทำให้ทันที ไม่ว่าจะเป็น การสอบสวนคดีฮั้วการเลือกสว. ที่นอกจากส่งคนของดีเอสไอเข้าไปเป็นตัวหลักในคณะอนุกรรมการสอบสวนของ กกต.แล้ว พ.ต.อ.ทวีก็ผลักดันให้บอร์ดคดีพิเศษให้อำนาจดีเอสไอเข้าสอบสวนการเลือก สว.เพื่อเอาผิดในคดี "ฟอกเงิน-อั้งยี่" เพื่อหวังทุบ สว.สีน้ำเงินร้อยกว่าคน ที่เป็นฐานการเมืองสำคัญของพรรคสีน้ำเงินให้สิ้นซากตามใบสั่งจากจันทร์ส่องหล้า เพื่อเอาเรื่องฮั้ว สว.มาเป็นบ่วงรัดคอบีบเอาผิดคดีอาญากับแกนนำและ สส.พรรคภูมิใจไทยหลายคน
แค่นี้ไม่พอ ดีเอสไอมีการหาช่องทาง รุกไล่เอาผิด "คดีเขากระโดง" ในคดีอาญากับเครือข่ายตระกูลชิดชอบ ด้วยการให้ รฟท. แจ้งข้อกล่าวหาให้ดีเอสไอเข้าไปสอบสวนการได้มาซึ่งที่ดินเขากระโดง เพื่อหวังเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการออกและครอบครองเอกสารสิทธิพื้นที่เขากระโดง ที่ก็ชัดเจนว่าต้องการขยายผลทุบไปที่ตระกูลชิดชอบ
และยังมีกรณีดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบ การสร้างสนามบินส่วนตัวในพื้นที่ตำบลขนงพระ ปากช่อง นครราชสีมา ซึ่งเชื่อมโยงกับสนามกอล์ฟเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ก็คือต้องการโยงถึงคนที่คนทั้งประเทศรู้กันดีว่าชอบขับเครื่องบินส่วนตัวและมีสนามกอล์ฟอยู่ที่โคราช
ทั้งหมดทำให้มีการมองกันว่า บิ๊กข้าราชการเบอร์ต้นๆ ที่น่าจะโดนเด้ง-เช็กบิล คนหนึ่งที่อาการหนัก คงไม่พ้น พ.ต.ต.ยุทธนา จึงต้องดูกันว่า พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ สายตรงเนวิน จะเก็บ พ.ต.ต.ยุทธนาไว้ใกล้ตัวหรือไม่ และไม่แน่ อาจถึงขั้นล้างบางขั้วอำนาจเก่าในดีเอสไอเพื่อเอาสายของ พ.ต.อ.ทวีออกจากตำแหน่งหลักหลายคนก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ข่าวล่าสุด จากคนในเครือข่ายขั้วสีน้ำเงินให้ข้อมูลตอนนี้ พ.ต.ต.ยุทธนาในวัย 54 ปี พยายามดิ้นรนขอต่อวีซ่า ไม่ให้โดนเด้ง ในลักษณะอยู่เป็น หลิวลู่ลมเข้าหาขั้วอำนาจสีน้ำเงิน
เช่น มีกระแสข่าวว่าดีเอสไอที่ส่งคนไปเป็นอนุกรรมการของ กกต.กำลังขยายผลการสอบสวนการเลือก สว.ไปถึง สว.กลุ่มอื่นๆ ด้วย เช่น สว.สีส้ม-สว.สีแดง-สว.อิสระ เพื่อต้องการเคลียร์ตัวเองว่า ดีเอสไอไม่ได้จ้องเล่นงานแต่กับ สว.สีน้ำเงิน
ที่ก็ต้องดูว่าสุดท้าย พล.ต.ต.รุทธพลและฝ่ายการเมืองในพรรคสีน้ำเงิน จะยอมหรือไม่ คืออาจไม่ย้ายในช่วงแรก เพราะไม่อยากตกเป็นเป้า แต่ผ่านไปสักระยะ อาจจะไม่รอด
และบิ๊กข้าราชการอีกหลายคนที่ถูกจับตามองว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงโดนเด้ง เช่น พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ที่ข้ามห้วยมาจาก เลขาธิการ ศอ.บต. ชนิดทำเอาข้าราชการกระทรวงแรงงานอึ้งกันทั้งกระทรวง ที่เอาอดีตตำรวจกองปราบปราม-อดีตบิ๊กข้าราชการ ก.ยุติธรรม-อดีตเลขาธิการ ศอ.บต.มาเป็นปลัดแรงงาน แทนบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ที่ถูกย้ายจากปลัดแรงงานเข้ากรุผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ขึ้นมาในสมัยพิพัฒน์เป็น รมว.แรงงาน และเหลืออายุราชการอีก 1 ปี
โดย พ.ต.ท.วรรณพงษ์เป็นอดีตตำรวจกองปราบปราม หนึ่งในทีมน้องรัก พ.ต.อ.ทวี ที่โอนย้ายจากตำรวจมาอยู่ดีเอสไอ ในช่วงเดียวกับ พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา และเป็น พ.ต.อ.ทวีที่ผลักดันให้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ไปเป็นซี 11 ในตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต. ดูแลพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาชาติ จนมีดีลการเมืองเกิดขึ้น โยกขึ้นมาเป็นปลัดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม ก.แรงงาน รับผิดชอบโดยพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องดูว่า ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน จะให้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์อยู่ต่อหรือพอแค่นี้ หรือจะโยก บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ กลับมาเป็นปลัดแรงงานตามเดิม หากภูมิใจไทยขอมา
ขณะที่ในส่วนของ กระทรวงมหาดไทย ที่อนุทินคัมแบ็ก กลับมาเป็น มท.1 อีกรอบ เชื่อว่าคงทำให้อธิบดี-ผู้ว่าฯ หลายจังหวัดที่ได้ขึ้นมาผงาดในยุค ภูมิธรรม เวชยชัย เป็น รมว.มหาดไทย คงกระสับกระส่ายพอสมควร ว่าจะโดนเด้งหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็น นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อดีต ผวจ.เชียงใหม่ ที่ตอนนี้เป็นอธิบดีกรมการปกครอง, ภพชนก ชลานุเคราะห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่คุมงบท้องถิ่นหมื่นล้าน ซึ่งภูมิธรรมดันมาแทน หลังเด้ง นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อดีต ผวจ.บุรีรัมย์ คนสนิทเนวินไปตบยุงเป็นผู้ตรวจฯ มหาดไทย, ขจรเกียรติ รักพานิชมณี อธิบดีกรมที่ดิน, เชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่สมัยเป็นรองปลัดมหาดไทย เป็นตัวหลักในการทำเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอนที่เขากระโดง เป็นต้น รวมถึง พวกผู้ว่าฯ สายสีแดง-สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ อีกหลายคนที่ภูมิธรรมดันให้ขึ้นมาผงาดยกแผงในโผแต่งตั้งโยกย้ายมหาดไทยก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า อนุทิน-มท.1 คงขอเวลาสักระยะในการจัดทัพคลองหลอด-มหาดไทย ว่าจะเอาอย่างไร จะเด้งพวกอธิบดี-ผู้ว่าฯ บางคนสายภูมิธรรม-พท.หรือไม่ และหากจะจัดการ จะทำช่วงไหน เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นการ
"เช็กบิล-เอาคืน-ล้างบางมหาดไทย"
ท่ามกลางกระแสข่าวบิ๊กมหาดไทยหลายคนกำลังวิ่งเข้าหา สส.-นักการเมืองพรรค ภท.เพื่อขอไม่ให้ถูกเด้ง ถูกปรับออกจากตำแหน่งหลัก
แต่บางตำแหน่งดูแล้ว อาจมีการปรับเปลี่ยน เช่น อธิบดีกรมการปกครอง ที่หากอนุทิน-พรรค ภท.ไม่ไว้ใจนิรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เพราะหากจะมีการยุบสภาต้นปีหน้า และเลือกตั้งช่วง มี.ค.-เม.ย.2569 การเอาคนไว้ใจได้นั่งอธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งปกครองนายอำเภอทั่วประเทศ จะมีความสำคัญทางการเมืองในการเลือกตั้งพอสมควร
ขณะเดียวกัน “โผมหาดไทย” ยังไม่หมด เพราะยังเหลือการแต่งตั้งระดับ 9 รองผู้ว่าฯ-รองอธิบดี ขึ้นเป็นระดับ 10 แทนคนที่เกษียณในปีนี้ ซึ่งว่างอยู่ 18 ตำแหน่ง ที่เครือข่ายพรรคร่วมรัฐบาลคงเน้นเป็นพิเศษ เพื่อวางขุมกำลังรองรับเลือกตั้ง
เช่นเดียวกับ “โผตำรวจ-สีกากี” ที่จะมีการทำโผ "รองผู้บังคับการ-ผกก." ทั่วประเทศ (พ.ต.อ.-พ.ต.ต.) ซึ่งถือว่าสำคัญ เพราะดูแลโรงพัก-สถานีตำรวจทั่วประเทศ คุมพื้นที่เลือกตั้งทั่วไทย ยิ่งปีหน้าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น การวางเครือข่ายทั้งสายปกครองและตำรวจไว้ทุกอำเภอ-ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ย่อมเป็นผลดีทางการเมืองกับฝ่ายกุมอำนาจรัฐ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


