
แต่ก็มีเรื่องให้ต้องระมัดระวัง เพราะอาจทำให้เสียของได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันที่หลายคนยังติดภาพด้านลบเดิมๆ ของค่ายสีน้ำเงิน ยิ่งมีเวลาน้อย ยิ่งกลัวจะรีบกอบโกยกันไม่เกรงใจประชาชน
แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 29-30 กันยายน 2568 เสร็จแล้ว เริ่มนับหนึ่ง 4 เดือนของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย
ตามไทม์ไลน์ที่ได้แถลงเอาไว้ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 24 กันยายน การยุบสภาจะเกิดขึ้นปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2569 จากนั้นการเลือกตั้งและการทำประชามติจะเกิดขึ้นอย่างช้าเดือนเมษายน 2569
ไทม์ไลน์ชัด นักวิเคราะห์หลายสำนักฟันธง "อนุทิน" ไม่กล้าบิด MOA ที่ทำกับพรรคประชาชน เพราะการเข้าบริหารประเทศครั้งนี้ มาเพื่อต่อยอดในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า
เจตนามาเป็น รัฐบาลชั่วคราว 4 เดือน เพื่อต่อยอดเป็น "รัฐบาลถาวร" อีก 4 ปีหลังการเลือกตั้ง
ไม่ต้องมองอะไรให้ไกล อย่างวันศุกร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา "นายกฯ หนู" ถือฤกษ์ดี วันธงชัย เข้าทำเนียบฯ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ ตอน 08.19 น. ไหว้พระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตายาย
ขณะที่ไฮไลต์อยู่ที่การเคลื่อนย้าย องค์นรสิงห์จำลอง ที่ "เศรษฐา ทวีสิน" เอาออกจากตึกไทยคู่ฟ้าไปเก็บไว้ที่ตึกแสงอาทิตย์ มาประดิษฐานเอาไว้ที่เดิมเหมือนกับยุค "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือระเบียงชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า
ถึงขั้น "เสี่ยหนู" อุ้มองค์นรสิงห์จำลองมาตั้งไว้ที่เดิมด้วยตัวเอง!
‘นรสิงห์’ คือสัญลักษณ์ของตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเดิมคือบ้านนรสิงห์ของพระยารามราฆพ ต้นตระกูลพึ่งบุญ ณ อยุธยา ส่วนองค์นรสิงห์จำลององค์นี้สร้างในยุค "ลุงตู่" นำมาประดิษฐานช่วงโควิด-19 ปี 2564
การที่ "เสี่ยหนู" นำกลับมาไว้ที่เดิม ในทางการเมืองมองกันว่าสิ่งที่เจ้าตัวต้องการนั่นคือ การได้เป็นนายกฯ 2 รอบเหมือนกับ "ลุงตู่"
และหากย้อนไปดูการจัดทัพ ครม.หนู 1 ครั้งนี้ นอกจากคนนอกที่เน้นมืออาชีพ โปรไฟล์ดี ในส่วนของสัดส่วนการเมืองไม่ได้แค่จัดสรรตามตัวเลขในมือแต่ละมุ้ง แต่ละจังหวัดเท่านั้น แต่มองไปถึงการเตรียมพร้อมศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
อย่าง กลุ่มเพชรบูรณ์ ของนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และนายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เมืองมะขามหวาน ที่เที่ยวนี้ได้ไปถึง 2 เก้าอี้ คือ 1 รมว. และ 1 รมช. ก็เพราะรอบหน้าจะยกพวกมาลงสมัคร สส.ในนามพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด การันตี 6 เก้าอี้ สส.ในจังหวัดได้
หรือในโควตา จ.กระบี่ ที่รอบนี้ผู้นำจิตวิญญาณค่ายสีน้ำเงินตัดสินใจยกโควตา รมช.มหาดไทยให้แก่ "ศศิธร กิตติธรกุล" ลูกสาว "โกหงวน" สมศักดิ์ กิตติธรกุล นายก อบจ.กระบี่ มากกว่า สส.ในจังหวัด ก็เพื่อเป็นการมัดใจบ้านใหญ่ให้อยู่ต่อและกวาดยกจังหวัดให้ได้อีกหน
ขณะที่เรื่องนโยบาย "รัฐบาลอนุทิน" เน้นง่าย เน้นไว ประชาชนได้ประโยชน์ หยิบเอาโครงการขวัญใจคนรากหญ้า หรือแม้แต่ชนชั้นกลางอย่าง คนละครึ่ง ยุคลุงตู่ มาปัดฝุ่นใหม่ในเวอร์ชันตัวเอง
ไม่สนคนค่อนแคะว่าเป็นพวกลอกการบ้าน แต่โชว์ความใจกว้างว่า “ไม่ใช่พวกยึดติดหรืออคติ นโยบายไหนดีพร้อมหยิบยื่นให้ประชาชนถ้าไม่ผิดกฎหมาย
และก็เป็นบวกมากกว่าลบ กระแสตอบรับดีกว่าเงื่อนไขใน MOA อย่างการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียอีก
ส่วนอีกหลายเรื่อง "รัฐบาลอนุทิน" เน้นจับสิ่งใกล้ตัวประชาชน ทั้งหนี้เกษตรกร ทั้งการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี หรือแม้แต่เรื่องที่อยู่ในกระแสอย่างการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
รัฐบาล 4 เดือน เน้นเรื่องที่ทัชใจประชาชนและอยู่ในกระแส ข้อดีของการมีเวลาสั้นๆ คือ ถ้าเรื่องไหนถูกใจประชาชน มีสิทธิ์ที่คนจะอารมณ์ค้างไปถึงวันเข้าคูหา เคลิ้มกาบัตรเลือกตั้งให้
สิ่งที่ไหนที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดำเนินการแล้วโดนด่า "นายกฯ หนู" เล่นสวนทางแบบถูกใจสังคมตลอด ประกาศกร้าวเอาเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่ไม่เอากาสิโนแบบรัฐบาลชุดก่อน พร้อมกับเดินหน้าปราบปราบพนันออนไลน์ ปราบปรามสแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สังคมไทยเดือดร้อน
เป็นรัฐบาลชั่วคราวที่เอามายุบสภา ทำประชามติรัฐธรรมนูญ ในแบบที่พรรคประชาชนประสงค์ แต่ในขณะเดียวกันจะปล่อยมือไม่บริหารประเทศไม่ได้
"ครม.อนุทิน" เดิน 2 ทาง ทำตามสัญญาลูกผู้ชาย พร้อมกับตุนแต้ม ตุนคะแนนไปในตัวด้วยอีกทาง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้จะมีระยะเวลาสั้นๆ 4 เดือน แต่ก็มีเรื่องให้ต้องระมัดระวัง เพราะอาจทำให้เสียของได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันที่หลายคนยังติดภาพด้านลบเดิมๆ ของค่ายสีน้ำเงิน ยิ่งมีเวลาน้อย ยิ่งกลัวจะรีบกอบโกยกันไม่เกรงใจประชาชน
ตัว "อนุทิน" ไม่มีปัญหา ไม่เคยมีประวัติ แต่ตัวองคาพยพบางคน ในยุทธจักรการเมืองรู้กันว่าไม่ธรรมดา เห็นชื่อแล้วหวาดเสียว
เรียกว่า เรื่องพวกนี้พลาดไม่ได้ เพราะส่งผลต่อเครดิตในสนามเลือกตั้ง ไม่ต้องมองไหนไกล ขนาดถนนสามเสนยุบเพราะการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน พวกยังจับจ้องเอามาแซะว่าเป็นบริษัทของครอบครัวนายกฯ
อีก 2 เรื่องสำคัญที่เป็นดังสายล่อฟ้าคือ คดีเขากระโดง และคดีฮั้วเลือก สว. ซึ่งหลายคนจับตาว่าพรรคภูมิใจไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลน่าจะมาสางแค้น
แต่หลายฝ่ายประเมินว่ารัฐบาลไม่น่าเป่าคดี เพราะเรื่องนี้ถูกจับจ้อง เต็มที่ทำได้แค่ประกบและกันท่าเท่านั้น ตามคิวที่ พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรมป้ายแดง คนที่สปอตไลต์ส่องมากที่สุด ระบุแล้วว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซง ปล่อยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการไป แต่ในข้อเท็จจริงหน่วยงานใต้บังคับบัญชาที่ไหนจะกล้า
ในจังหวะที่พรรคภูมิใจไทยปั้นผลงานปูทางสู่การเลือกตั้งได้เลย ตรงกันข้ามกับพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐบาลเมื่อไม่นานมานี้ ที่ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่
สถานะพรรคเพื่อไทยยามนี้เป็นพรรคหัวขาด ผู้นำจิตวิญญาณอย่าง "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างจำคุก และคงออกมาช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้งไม่ทันในเดือนเมษายน 2569 อย่างแน่นอนแล้ว
ส่วนหัวหน้าพรรคเพื่อไทย "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหมาดๆ ก็ยังมือไม่ถึง กลับมาเป็นผู้นำอีกหนไม่ได้ ตอนนี้ค่ายสีแดงกำลังสาละวนอยู่กับการหาผู้นำคนใหม่ เพราะแบรนด์ชินวัตรชักเริ่มจะขาดแคลน
ล่าสุดเปิดปฏิบัติการโยนหินถามทาง ปล่อยชื่อ "เขยจันทร์ส่องหล้า" นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ นักธุรกิจชื่อดัง สามี น.ส.พินทองทา ชินวัตร ลูกสาวคนกลางของ "ทักษิณ" และ "คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์" ออกมาชิมลาง ซึ่งกระแสตอบรับในหมู่ด้อมแดงถือว่าใช้ได้
แต่ถึงเวลาจะใช้หรือไม่ ยังต้องประเมินกันก่อน เพราะตามสถิตินายกรัฐมนตรีจากวงศ์วานว่านเครือชินวัตรไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณ, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และแพทองธาร ไม่มีใครจบสวย ถูกสอยลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกันทั้งนั้น
ไม่ใช่แค่ผู้นำพรรคคนใหม่ที่ยังหาไม่ได้ ความแน่นอนในส่วนของลูกพรรคก็เป็นปัญหา นาทีนี้ยังไม่รู้สุดท้ายใครยังอยู่ ใครจะไป เพราะลูกพรรคหลายคนก็รอดูอยู่เหมือนกันว่า "นายหญิง" ที่เข้ามาให้กำลังใจว่า สู้ๆ นะคะ หมายถึง "สู้ต่อ" หรือแค่ให้กำลังใจธรรมดา
อีกอย่างกระแสพรรคเพื่อไทยยามนี้อยู่ในช่วง "ขาลง" มีหลายปมให้โดนค่อนแคะตอนหาเสียง โดยเฉพาะเรื่องชายแดนจากพิษคลิปเสียงสนทนาระหว่างหัวหน้าพรรคกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่จะโดนเอามาเป็นจุดอ่อนตอนหาเสียงแน่
สถานการณ์ ค่ายน้ำเงิน กับ ค่ายสีแดง แทบจะวิ่งสวนกันทุกอย่าง และครั้งหน้าถือว่าปะทะกันโดยตรง เพราะมีแผลทางใจด้วยกันทั้งคู่
พรรคภูมิใจไทยต้องการขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 "ฝ่ายอนุรักษนิยม" เพื่อดัน "อนุทิน" เป็นนายกฯ อีกสมัย ในขณะที่พรรคเพื่อไทย วันนี้ยังคลำทางไม่เจอ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย


