เช็กแนว“ขุนพล”ชุดใหม่ รับศึก“ไทย-กัมพูชา”ระลอก2

กระแสเสียงของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงสังคมในภาพรวม ต้องการให้ไทยปิดเกมชายแดนไทย-กัมพูชาให้จบโดยเร็ว แม้จะมีการสู้รบครั้งใหม่เพื่อยึดพื้นที่คืนจากการที่ถูกรุกล้ำคืน ก็เชียร์ให้จัดการเด็ดขาด อย่าปล่อยค้างคา หรือยื้อเวลาไปเรื่อยๆ แล้วปล่อยให้กัมพูชายั่วยุรายวัน

ขณะที่ “กัมพูชา” ไปเปิดแนวรุกใหม่ ด้วยการพยายามดึงปัญหาขึ้นไปในระดับพหุภาคี ด้วยการนำเสนอประเด็นในที่ประชุม UNGA แต่ รมว.การต่างประเทศของไทย “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” โต้แย้งทันควันว่า “กัมพูชา” ไม่ได้เป็นเหยื่อตามที่อ้าง ส่วนมาตรการปิดล้อมทางเศรษฐกิจ รมว.พาณิชย์ของไทย “ศุภจี สุธรรมพันธ์” ยืนยันว่ามาตรการรองรับในการปิดด่านชายแดน ในเรื่องของการหาตลาดสินค้าของไทยเพื่อลดผลกระทบ สอดรับกันเป็น “ทีม” ในการกดดันกัมพูชา

เป็นก้าวแรกของรัฐบาลในการเดินนโยบายเชิงรุก ที่ก้าวไปพร้อมกับงานด้านความมั่นคง ซึ่งมีกองทัพเป็นหน่วยปฏิบัติ โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านความมั่นคงด้วยตัวเอง

ในช่วงที่ต้องรอการพิสูจน์ว่า “ผลลัพธ์” ระหว่างเกมเปิดประตูสู่นานาชาติของกัมพูชา และการปิดล้อมกดดันของฝ่ายไทย ใครจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ จุดพลิกผันยังอยู่ที่สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนตลอดแนว ตั้งแต่ภาคอีสาน-ตะวันออก มากกว่า 800 กิโลเมตร ซึ่งกำลังทหาร-ยุทโธปกรณ์ของ 2 ฝ่ายยังเผชิญหน้ากันอยู่ตลอดแนว มีการตรวจการณ์ความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายอยู่ตลอดเวลา เพราะยังมีจุดที่ไทยยังยึดคืนกลับมาไม่ได้ และจุดที่กัมพูชาต้องการเอาคืน

เป็นจังหวะเดียวที่ไทยเข้าสู่เดือนแห่งการเลื่อนยศ ปลด ย้าย เปลี่ยนตัวบุคคลที่คุมกำลังหลายตำแหน่ง ไล่ตั้งแต่ 2 ผบ.เหล่าทัพ ที่ต้องมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนแผนจักรพงษ์ภูวนาถ ร่วมกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก โดยมีเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 ผบ.คิม” พล.อ.อ.เสกสรร คันธา เสนาธิการทหารอากาศ ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ ซึ่งถือเป็นผู้บังคับการกองบิน 4 คนแรกที่ได้ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. และจะมีอายุราชการถึงปี 2571

ผบ.คิม เป็นนายทหารที่ ผบ.ไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล วางตัวไว้ตั้งแต่ต้น และกองบิน 4 ถือเป็นกองบินทางยุทธวิธีซึ่งมีความทันสมัย และช่วงรบ 5 วัน ได้ส่งเครื่องบิน F-16 ทำภารกิจสำคัญในชายแดนไทย-กัมพูชาที่ผ่านมาด้วย ขณะที่ความพร้อมในการ “เติมของ” ทางกองทัพอากาศได้รับงบกลางปี 2568 วงเงิน 900 ล้านบาท เพื่อเสริมของในคลังที่พร่องไปให้เต็มอัตราพร้อมรบ ซึ่งมีทั้งในส่วนที่ผลิตในประเทศ และต้องจัดหาจากสาธารณรัฐเกาหลี-อิสราเอล ตอนนี้ก็พร้อมสรรพหมดแล้ว

ในส่วนของทัพเรือ พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร.คนใหม่ แทน พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ที่เกษียณอายุราชการ สำหรับ “เสธ.เฟื่อง” จบเตรียมทหารรุ่น 24 รับไม้ต่อมาแบบไร้แรงกระเพื่อม เพราะถือเป็นการคืนความชอบธรรมให้ ตท.24 จากการโยกย้ายปี 2567

สำหรับประวัติรับราชการ เติบโตมาทางสายอำนวยการ จากกรมยุทธการทหารเรือ-กรมข่าวทหารเรือ จบวิทยาลัยเสนาธิการทหาร สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เคยปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเรือ ของหน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง (นรข.) 8 ปี ตั้งแต่เชียงแสน-นครพนม ถือเป็นงานสายบู๊ในพื้นที่ชายแดนทางน้ำมาก่อน              

แม้จะเหลืออายุราชการแค่ปีเดียว แต่ก็เป็นช่วงรับไม้ต่อในการสานต่อโครงการเรือดำน้ำ-คัดเลือกแบบเรือฟริเกตลำใหม่ และยังมีภารกิจเฉพาะหน้าในการกำหนดทิศทางเกี่ยวกับชายแดนทางบกและทางทะเล ที่ยังเป็นเรื่องอ่อนไหวของสังคมไทย

“ทุกเหล่าทัพต้องหารือร่วมกันและประสานแผน ทั้งกองทัพภาคที่1-2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เพื่อทำไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้ทวีกำลังในการกดดันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งรัฐบาลก็จะกำหนดเรื่องเศรษฐกิจและการทูต ในการทหารก็จะกดดันพร้อมกันไป เพื่อให้การทวีกำลังในการกดดันได้ผลมากขึ้น” พล.ร.อ.ไพโรจน์ระบุ

ขณะที่ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่สังคมจับตามองว่าจะถือธงนำในศึกชายแดนไทย-กัมพูชา หากจะมีการปะทะรอบที่ 2 ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือไม่ ในกรณีที่มีการเปิดฉากยิงกันอีกรอบ 

สำหรับแม่ทัพเติ่ง พล.ท.วีระยุทธเหลืออายุราชการอีก 2 ปี เป็นทหารที่รับราชการในพื้นที่อีสานใต้มาตลอดอยู่แล้ว และในสมรภูมิ 5 วัน ก็ถือเป็นแกนหลักสำคัญในการอำนวยการยุทธ์ บก.ส่วนหน้า เนื่องจากรับผิดชอบงานด้านยุทธการและ การข่าวอยู่แล้ว และเป็นเหมือนคลังข้อมูลให้ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ซึ่งเป็นทหารสายอีสานเหนืออีกด้วย 

ทางด้านชายแดนตะวันออกยังมีปัญหาที่ต้องจัดการใน 3 ประเด็น คือ 1.เปิดด่าน ซึ่งถูกกลุ่มผลประโยชน์กดดัน 2.การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน ซึ่งไทยถูกรุกล้ำอธิปไตย บริเวณ “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กัมพูชาจัดตั้งมวลชนเป็นแนวรบอำพราง ซึ่งมีเดดไลน์ที่ไทยได้ยื่นคำขาดให้ย้ายออกจากพื้นที่ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ 3.การสร้างรั้วชายแดน ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการในลักษณะไหน

แต่ที่ชัดเจนคือการเปิดโครงการกองทุน “หทัยทิพย์” โดยสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒนฯ และทรงพระราชทานเงิน 1 ล้านบาทประเดิมก่อน มีการเปิดรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการสร้างกำแพงและบังเกอร์ชายแดน ทำให้เกิดความลื่นไหลในการดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน

นอกจากนั้น ในเดือนตุลาคมจะมีการเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 1   มาเป็น พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพน้อยที่ 1 ซึ่งจะ ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แทน พล.ท.อมฤต บุญสุยา ที่จะขึ้นไปเป็น ผช.ผบ.ทบ. สำหรับ “แม่ทัพไก่” พล.ท.วรยศ ถือเป็น “บูรพาพยัคฆ์” สายตรง จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ร.12 พัน 3 รอ. และขยับเป็นรอง ร.12 รอ. และขึ้นเป็น ผบ.ร.2 รอ. และรอง ผบ.พล.ร.2 รอ.ปราจีนบุรี จากนั้นเข้ากรุงมาเป็น ผบ.พล.1 รอ. และในปี 2548 ลงไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในหน่วย ฉก.35 จ.นราธิวาส เมื่อปี 2548

จากภารกิจร้อนในพื้นที่ความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ในห้วงที่ผ่านมา เนื่องจากกรอบเวลาและสไตล์ในการทำงานที่เป็นระบบ อีกทั้งสภาพพื้นที่ต่างจากกองทัพภาคที่ 2 ทำให้กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของแม่ทัพคนใหม่ที่จะมารับไม้ต่อ ในการต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความแตกต่างในเชิงรุก และสนับสนุนการปฏิบัติโดยสอดรับกับภาพรวมด้วย  

ในขณะที่ระดับผู้บัญชาการ 2 กองกำลัง ได้แก่ พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผบ.พล.ร.และ ผบ.กกล.สุรนารี เติบโตมาจาก ผบ.ร.23 พัน.1, รอง ผบ.ร.23 รองผู้การกรมทหารพรานที่ 26 ผบ.ร.23 โดย ฉก.ร’.23 จะทำงานในพื้นที่ อ.ปราสาท รับผิดชอบพื้นที่ปราสาทตาควาย ตาเมือน ตาเมือนธมด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตที่จะขึ้นเป็นรองแม่ทัพในช่วงต่อไป แม้จะสะดุดในการโยกย้ายที่ผ่านมา เนื่องจากเพื่อน ตท.29 ขึ้นไปเป็นรองแม่ทัพก่อน แต่ด้วย “เนื้องาน” ทำให้ผู้บังคับบัญชาเชื่อมือในการสานต่อภารกิจในระลอกที่ 2

พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผบ.พล.ร.2 รอ.ผบ.กกล.บูรพา ได้รับมอบหมายจาก พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ให้เป็น ผบ.เหตุการณ์ คุมพื้นที่ซึ่งยังเป็นปัญหาตลอดแนว หลังจากที่ผ่านมามีกระแสข่าวที่ยังไม่ชัดเกี่ยวกับการบังคับบัญชาระหว่างส่วนกลางและพื้นที่ จนทำให้ทิศทางเกี่ยวกับเรื่องเปิดด่าน และการเข้าขอคืนพื้นที่ไม่ลื่นไหล กลายเป็นปมให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบขึ้นมาโจมตี แม้จะมีการยืนยันเรื่องพื้นที่ระหว่างกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 แตกต่างกัน แต่หลังเดือน ก.ย.ไปแล้ว ก็จะเป็นโจทย์ใหญ่ที่ กกล.บูรพาจะต้องจัดการให้ผลเป็นรูปธรรมให้สังคมได้เห็น

ภายใต้สถานการณ์ที่กัมพูชาไม่ได้เป็นเป้านิ่ง รอจังหวะเปิดเกมชิงพื้นที่ซึ่งไทยยึดกลับคืนไป ทั้งช่องอานม้า-ภูมะเขือ ซึ่งเป็นยุทธภูมิสำคัญ และสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรีของทหาร 2 ชาติ การจัดทัพและกำหนดนโยบายของกองทัพจึงต้องร่วมมือกันแน่นแฟ้นมากขึ้น. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง

หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน

แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’

นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ

โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!

หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา

พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน

ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม

เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ

เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2