แม้จะเห็นความพยายามทอดไมตรีของเครือข่ายรัฐบาล และ สว.สีน้ำเงิน ที่มีต่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ด้วยการโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญ 2 ร่าง คือ ร่างของ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และร่างของ พรรคสีส้ม พร้อมปล่อยให้ร่างของ พรรคเพื่อไทย (พท.) ตกไป เนื่องจากวุฒิสภามีเสียงไม่ถึง 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง
การแสดงออกของเครือข่ายสีน้ำเงินครั้งนี้ ต้องการรักษาบรรยากาศทางการเมือง หลัง พรรคส้ม นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. โหวตสนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และยังสอดรับกับเงื่อนไข MOU ที่กำหนดให้ยุบสภาภายใน 4 เดือน พร้อมจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
แต่ด้วยความประมาท หรือเอาความสะใจเป็นที่ตั้ง หลังพท.ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับ ภท.และเครือข่ายสีน้ำเงินต้องเสียตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากปม 36 สว.สีน้ำเงิน ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญกรณี “คลิปเสียงอังเคิล” จน “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังเคยยึดกระทรวงมหาดไทยและถูกเขี่ยพ้นรัฐบาล
ตลอดการร่วมรัฐบาลที่ผ่านมา ช่วง 2 ปีก่อนหน้า พรรคแดง ยังเปิดศึกโจมตีต่อเนื่อง ทั้งเรื่อง “ฮั้ว สว.” และคดี “เขากระโดง” ที่ไม่เพียงโยงผู้บริหาร ภท. หากแต่ลามไปถึง ผู้นำทางจิตวิญญาณ หรือ บ้านใหญ่บุรีรัมย์ กระทั่งระหว่างการอภิปรายเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พท.ก็ยังใช้ประเด็นนี้โจมตีอย่างหนัก
จึงไม่น่าแปลกที่ สว.จะไม่โหวตหนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ พท. ทำให้เหลือเพียง 2 ร่าง คือของ ปชน.และ ภท. สุดท้ายพรรคแดงกลับแก้เกม โหวตหนุนร่างของพรรคสีส้ม จนชนะร่างของพรรคสีน้ำเงิน ด้วยคะแนน 300 ต่อ 287 กลายเป็นร่างหลัก
ในทางกลับกัน หากโหวตรับร่าง พท.รัฐสภาก็ต้องโหวตจาก 3 ร่าง ซึ่งแต่ละพรรคย่อมหนุนร่างของตัวเอง ทำให้เสียงแตก และเชื่อว่าหากเป็นไปตามนั้น ร่างของ ภท.อาจกลายเป็นร่างหลักได้ เพราะมี สว.ประมาณ 140 เสียง และพรรคร่วมรัฐบาลหนุน
เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า แม้รูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะยังไม่ยุติ และฝ่ายสีน้ำเงิน อาจกลับมาแก้เกมหรือคุมเกมได้ในชั้นกรรมาธิการ และพิจารณาในวาระ 2 และ 3
แต่การพลาดพลั้งในยกแรกนี้ ทำให้เห็นชัดว่า ด้วยสถานะรัฐบาลเสียงข้างน้อยของพรรคสีน้ำเงิน หากพรรคสีส้มและพรรคแดงจับมือกันเมื่อใด รัฐบาลอาจอยู่ไม่ถึง 4 เดือนตามที่ตั้งเป้าไว้
“เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช ตั้งข้อสังเกตว่า "ความพ่ายแพ้ในยกแรกของพรรคภูมิใจไทย เป็นสัญญาณเตือนว่าเสถียรภาพของรัฐบาลเสียงข้างน้อยของ นายกฯ อนุทินง่อนแง่น และไม่มีหลักประกันว่าจะอยู่รอดได้ หากฝ่ายค้าน 2 พรรค คือ พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ร่วมมือกันตรวจสอบอย่างเข้มข้นและกดดันทางการเมือง รัฐบาลอนุทินอาจต้องยุบสภาก่อนเวลาที่กำหนด"
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องจับตาเกมในชั้นกรรมาธิการ หลังรัฐสภาแต่งตั้งกรรมาธิการ 43 คน ว่าจะหาจุดสมดุลได้หรือไม่ โดยฝ่ายที่ต้องการ “แก้” มี สว. 2 คน พรรคประชาชน 9 คน พรรคเพื่อไทย 9 คน พรรคประชาชาติ 1 คน รวม 21 คน
ขณะที่ฝ่ายที่ “แก้หรือไม่แก้ก็ไม่เดือดร้อน” หากไม่แตะหมวด 1 และ 2 รวมถึงกังวลเรื่องที่มาของ สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าห้ามเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 4 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 2 คน พรรคกล้าธรรม 2 คน พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน พรรคพลังประชารัฐ 1 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน และ สว.สายสีน้ำเงิน 10 คน รวม 22 คน
ฉะนั้น หากพรรคร่วมรัฐบาลและเครือข่ายสีน้ำเงินสามารถคุมเสียงที่มากกว่า 1 เสียงให้มั่น ก็อาจพลิกเกมได้ในชั้นกรรมาธิการ
“บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ตอบคำถามถึงกรณีที่รัฐสภาเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ปชน.เป็นร่างหลัก ว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าจะเปิดโอกาสให้แก้หมวด 1 และหมวด 2 ว่า ต้องดูร่างที่สภาผ่านในวาระ 3 เพราะวาระ 1 และ 2 ยังไม่สำคัญนัก กว่าจะถึงวาระ 3 อะไรก็ยังแก้ได้ ส่วนหมวด 1 และ 2 ที่กังวลว่าจะขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ต้องดูร่างสุดท้ายที่ลงมติในวาระ 3
รองนายกฯ ยังเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.อ่างทอง พรรค ภท. ที่เสนอในสภาให้ใช้ “โมเดลฝรั่งเศส” โดยให้ตัวแทนประชาชน เช่น อบต. เทศบาล สท. นายก อบต. มาเลือก ส.ส.ร.จังหวัด แล้วส่งให้รัฐสภาเลือกให้เหลือ 100 คน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าห้ามเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยตรงจากประชาชน
อย่างไรก็ตาม หากทุกฝ่ายสามารถหาจุดร่วมที่ลงตัว การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อาจเดินหน้าได้ โดยคาดว่าจะทำประชามติพร้อมวันเลือกตั้งวันที่ 29 มีนาคม 2569
แต่หากฝ่ายค้านไม่พอใจ เพราะเห็นว่าตัดการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยสิ้นเชิง ใช้เสียงข้างมากของรัฐสภาเลือกผู้ร่าง รธน.เอง ก็อาจใช้แท็กติกทางกฎหมาย “ไม่โหวตเห็นชอบ” ให้ถึง 20% จนร่างตกไปได้
ในทางกลับกัน หากฝ่ายค้านต้องการแก้หมวด 1 หมวด 2 หรือใช้วิธีเลือกตั้ง ส.ส.ร.ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงตัด หรือริบอำนาจของวุฒิสภามากเกินไป ฝ่ายรัฐบาลและ สว.สีน้ำเงินก็อาจไม่เห็นชอบในชั้นกรรมาธิการ และในวาระ 2 แล้ว แต่หากผ่านถึงคราวโหวตวาระ 3 หลังพักไว้ 15 วัน สว.ก็อาจแสดงออก เห็นชอบไม่ถึง 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง ร่างก็อาจตกไปได้เช่นกัน
ยังไม่นับกรณีที่เนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเปิดช่องให้ สส.หรือ สว. หรือสมาชิก 2 สภารวมกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมด เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานรัฐสภา เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้อีกด้วย ก็อาจจะทำให้เหลือการทำประชามติเพียง 1 คำถามคือ เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ส่วนคำถามที่ 2 เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับรูปแบบ ขั้นตอนกระบวนการและหลักการพื้นฐานที่ปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญ ก็ต้องหยุดชะงัก รอลุ้นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร
ดังนั้นหากทุกฝ่ายยอมลดทิฐิทางการเมือง หันหน้าหาจุดร่วมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แนวโน้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมด้วย 2 คำถามทำประชามติในวันเลือกตั้ง ก็อาจสำเร็จและเดินหน้าได้ในที่สุด แม้จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองยุบสภาไปก่อน รัฐบาลใหม่ที่มาหลังจากการเลือกตั้ง สามารถขอให้รัฐสภาหยิบขึ้นมาพิจารณาได้ภายใน 60 วัน เพื่อสานภารกิจให้เสร็จสิ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’ แค่คำขู่ ป้อง ‘แก้ไขรธน.’ ล่มกลางทาง
หากใครนับวันรอเลือกตั้งรอบใหม่ ช้าที่สุดคงเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือนดีของรัฐบาลชุดปัจจุบัน นับแต่การแถลงนโยบายต่อรัฐสภากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะเวียนไปบรรจบกับวันที่ 31 มกราคม ปี 2569 ตามข้อตกลง MOA ที่ได้ทำไว้กับพรรคประชาชน และ ‘นายกฯ หนู’ ประกาศให้คำมั่นไว้
'จุลพันธ์' ตอก ปชน. พูดไปคนละทางปมยื่นซักฟอกรัฐบาล
“จุลพันธ์” เย้ยพรรคประชาชนพูดกันไปคนละทาง บอกไม่แปลกใจ “ศิริกัญญา” มองยังไม่ร้ายแรงพอยื่นซักฟอกรัฐบาล แนะ ปชน.คุยกันในพรรคเอาให้ชัด รับ “เท้ง” นัดคุยคาดถกแก้ รธน.
ฟันธง! สถานการณ์บีบ 'ปชน.' ต้องยื่นซักฟอก ยอมทิ้งแก้รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สุดท้าย พรรคส้ม ต้องยื่นซักฟอกรัฐบาล
ธรรมนัส“ไม่ออก”ปักหลักชน หลังเจอแรงบีบให้ซ้ำรอยอดีตรมช.คลัง
แม้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะออกลูกแอ็กชันหลายรอบในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี-สแกมเมอร์-พนันออนไลน์ มีการประกาศให้เป็น "วาระแห่งชาติ" ผ่านการออกอาวุธต่างๆ
'สมชัย' ฟันเปรี้ยง! หลังเลือกตั้ง 69 'ภท.' เบียดชนะได้สส.มากกว่า 'ปชน.' พรรคเพื่อไทยต่ำร้อย
‘สมชัย’ชี้เปรี้ยงหลังเลือกตั้ง 69 ภูมิใจไทย เบียดชนะ ได้ส.ส.มากกว่า พรรคประชาชน อนุทิน ลุ้นคัมแบ็กนายกฯรอบสอง มองพรรคส้ม ฝ่ายค้านยาว หากได้ไม่ถึง 200 ที่นั่ง ส่วนเพื่อไทย พรรคต่ำร้อย!

