ข้ามเส้นแดง“เผด็จศึกฮุน เซน” “เจ็บต้องจบ”ก่อนถูกห้ามมวย

การปรากฏตัวของขุนพล “มือขวา” ของ “สมเด็จฮุน เซน” ประธานพฤฒสภากัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เปรียบเหมือนสัญญาณที่บ่งชี้ว่า “กัมพูชา” กำลังขยับเข้าสู่ปฏิบัติการเอาพื้นที่คืนจากไทย ที่เราได้ยึดมาได้ใน “สงคราม 5 วัน” ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ฮิว บุน เฮียง ผบ.BHQ และ พล.อ.สรัย ดึ๊ก รอง ผบ.ทบ.และ ผบ.กองพล 3 ที่เคยมีข่าวว่า ถูกไข่ F-16 บอมบ์เสียชีวิตไปแล้ว  แต่สัปดาห์ก่อนต่างยืนหน้ากระดานเรียงหนึ่งถ่ายภาพหมู่พร้อม “ฮุน มานี” รองนายกฯ ระหว่างการตรวจเยี่ยมให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริหารชายแดนด้านจังหวัดพระวิหาร  

จังหวะเวลาในการ “ตีปี๊บ” แผงนายทหารมือขวาของ “สมเด็จฮุน เซน” ผ่านสื่ออย่างต่อเนื่องย่อมมีนัยต่อสถานการณ์ตามแนวชายแดน และย่อมเกี่ยวพันกับเหตุปัจจัยทางการเมือง โดยเฉพาะกัมพูชาที่กำลังถูกข้อเท็จจริงไล่ล่า ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ “ทุ่นระเบิด” และ “สแกมเมอร์”

ยังไม่นับภาพของ “สมเด็จฮุน เซน” นั่งประชุมผ่านวิดีโอคอลกับ พล.อ.เตีย บันห์ และเหล่าบรรดาทหารสายคุมกำลังอีกหลายคนบัญชาการรบ ในช่วงเช้าวันที่ 8 ธ.ค. หลังเกิดเหตุปะทะที่ “พลาญหินแปดก้อน” เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ย้อนดูสงคราม 5 วัน “ไทย” และ “กัมพูชา” ในยกแรก ยังถือเป็นการหยั่งเชิงระหว่างกัน เพื่อทดสอบขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม จนได้รู้จุดอ่อน-จุดแข็งของแต่ละฝ่าย  ทำให้หลังการยุติศึกต่างฝ่ายต่างกลับไปทบทวน ปรับปรุงยุทธวิธี การสนับสนุนการรบของตัวเอง เพื่อรอการเปิดศึกในยกที่ 2 ต่อไป

ที่สำคัญคือ “ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่บรรลุเป้าหมาย” ในเรื่องของการยึดครองพื้นที่ โดยฝ่ายไทยต้องการนำพื้นที่ซึ่งถูกรุกรานที่เหลือกลับคืนมา คือ “ปราสาทตาควาย- ปราสาทคนา-ห้วยตามาเรีย” ที่ทางกัมพูชาตรึงกำลังอยู่ 

 จากวันที่ 28 ก.ค. “หลังพันธกรณีหยุดยิง” กัมพูชาเสียหายหนักจึงต้องวางยุทธวิธีในการลดความสูญเสียที่เกิดขึ้น ด้วยการเร่งสร้างที่ฐานที่มั่นกำบัง บังเกอร์ ขุดหลุมลึก เป็นเส้นทางยาวใต้ดินป้องกันการรุกทางอากาศ การอำพรางฐานที่ตั้งของคลังอาวุธ กระสุน ระเบิด เสริมสร้างเส้นทางส่งกำลังบำรุงเพิ่มเติมเพื่อสามารถยืนระยะ รบยืดเยื้อ ในขณะเดียวกันก็ติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทยว่าเตรียมการอย่างไร

จะเห็นได้จากการรายงานของกองทัพภาคที่ 2 เมื่อช่วง 5ทุ่มของวันที่ 7 ธ.ค. “กัมพูชา” ได้เตรียมพร้อมสู้รบขั้นสูงสุดตลอดแนวชายแดน หลังช่วงกลางวันมีการปะทะที่พลาญหินแปดก้อน

กัมพูชามีการสร้างที่กำบังเพิ่มเติม, เสริมความแข็งแรงที่มั่น, ค้นหาวัตถุระเบิดในพื้นที่รับผิดชอบ, ลำเลียงกับระเบิดเก็บในที่กำบัง, ปิดโทรศัพท์มือถือ, ปิดการใช้อินเทอร์เน็ต และเตรียมการต้อนรับผู้บังคับบัญชาที่จะเข้ามาบัญชาการรบ รวมทั้งยังเฝ้าตรวจการปฏิบัติของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการใช้รถถัง, Drone และการทำถนนบริเวณหน้าแนว” กองทัพภาคทัพ 2 ระบุ

รายงานจากหน่วยข่าวความมั่นคง ระบุว่า โดยในวันแรกหลังการปะทะ การตอบโต้จากฝั่งกัมพูชาน้อยกว่าเมื่อการรบ 5 วัน ซึ่งอาจเกิดจากกระสุน หรือยุทธปัจจัย ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศพันธมิตร และกัมพูชาได้ปรับแผนใหม่ โดยกระจายกำลังทหารเกาะพื้นที่ริมชายแดน หน้าผา โดยไม่ได้รวมกันอยู่ที่ฐานทหาร เน้นการรบแบบกองโจร หลีกเลี่ยงการถูกทำลายด้วยอาวุธปืนวิถีโค้ง และยังน่าสนใจว่า มีกำลังอีกส่วนมีเป้าหมายในการรวมพลเพื่อเข้าตีจุดใดจุดหนึ่งหรือไม่ เพราะกัมพูชาก็ “ลับ ลวง พราง” เคลื่อนไหวอำพรางเป้าประสงค์จริงเช่นกัน

โดยครั้งนี้มีฐานบัญชาการใหญ่อยู่ที่ “เป้ยตาดี” พื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร มี พล.อ.สรัย ดรึ๊ก เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เข้ามาควบคุมทางยุทธวิธี 

ขณะที่ สมเด็จฮุน เซน โพสต์เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia โชว์ภาพขณะเข้าร่วมประชุมเพื่อบัญชาการสถานการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า กองกำลังแนวหน้าทุกคนต้องอดทน เพราะผู้รุกรานกำลังใช้อาวุธทุกชนิดยิงใส่เราตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อคืนและเช้าวันนี้ โดยมีเป้าหมายดึงให้เราตอบโต้ เพื่อทำลายข้อตกลงหยุดยิง และแถลงการณ์สันติภาพกัมพูชา-ไทย

“เส้นแดงที่ต้องต่อสู้ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ผู้บัญชาการทุกระดับต้องให้ความรู้เจ้าหน้าที่และทหารเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ทุกคน เจ้าหน้าที่ทุกระดับต้องพยายามให้การช่วยผู้ที่หลบหนีออกจากพื้นที่อันตรายไปยังพื้นที่ปลอดภัย” ฮุน เซน ระบุ  

การส่งสัญญาณเช่นนี้ไม่ได้เกิดครั้งแรก เพราะฮุน เซน เคยทำให้เห็นเมื่อตอนที่ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 สั่งปิดปราสาทตาเมือนธม ซึ่งกัมพูชาได้ส่งทหาร 8 นายมาพร้อมอาวุธครบมือ ให้ไทยเปิดประตู แต่ฝ่ายไทยไม่ยอมจึงมีการเริ่มยิงก่อน นำไปสู่การปะทะเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

แต่ครั้งนั้นยังไม่มีการอพยพคนออกจากพื้นที่ก่อน ทำให้กัมพูชายิง BM-21 เข้ามาช่วงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่เด็กกำลังไปโรงเรียน และเริ่มแจ้งอพยพ ในครั้งนี้กองทัพจึงได้จัดทำแผนการอพยพก่อนที่จะเปิดปฏิบัติการ แต่มีการเคลื่อนย้ายอาวุธเข้าที่ตั้งยิง โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพ ทำให้สื่อสังคมออนไลน์ไม่เห็นถึงการ alert กำลังเหมือนครั้งก่อน

ย้อนไปดูคำว่า “เส้นแดง” ของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งถือเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป้าหมายของกัมพูชาต่อฝั่งไทย ที่น่าจะเป็นจุดศูนย์ดุลสำคัญ ทั้งด้านการทหาร และการเมือง หากไทยเข้ากระทำต่อ “หัวใจ” ของปัญหาได้สำเร็จตามแผน โดย เริ่มที่ทำลายขีดความสามารถทางทหารไม่ให้กัมพูชาเป็นภัยคุกคาม หรือท้าทายไทยได้ไปอีกนาน ก็ต้องเฝ้าระวัง “กัมพูชา” ตอบโต้เราในสถานที่สำคัญด้วยเช่นกัน

เมื่ออ่านเกม “กัมพูชา” มองว่าที่การรบยืดเยื้อ และยันกำลังในพื้นที่ยึดครองไว้ให้มั่น  จะทำให้ไทยใช้สรรพกำลังหมดมือ หวังให้ตัวเองพลิกเกมได้ โดยเชื่อว่าแม้ไทยใช้กำลังทางอากาศ แต่กำลังทางบกยังยากที่จะเข้าพื้นที่ได้ เนื่องจากมีทุ่นระเบิดวางดักอยู่รอบ ส่วนยุทธวิธีในการออมกำลัง พร้อมไปกับการวิ่งหาพันธมิตรมหาอำนาจก็คงเป็นไพ่ใบเดิมที่เขาเชื่อว่าจะได้ผล 

ขณะที่ฝ่ายไทยในส่วนของ “รัฐบาล” เปิดเกมอย่างแข็งกร้าว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เรียก ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร. เลขาธิการ สมช.เข้าประชุม ฟังรายงานสถานการณ์ และการปฏิบัติตามแผน “จักรพงษ์ภูวนาถ” โดยนายกฯ ไม่ขอเปิดเผยข้อมูล แต่ยืนยันไม่มีการเจรจา และไม่กังวลเรื่องภาษีทรัมป์ ที่เคยถูกใช้ค้ำคอไทยก่อนหน้านี้

พร้อมให้ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกฯ มาเลเซีย และ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งถือเป็นคนกลาง ไปคุยกับกัมพูชาเอง เพราะฝ่าฝืนข้อตกลง และเป็นฝ่ายกระทำต่อไทยก่อน 

 ทางด้านกองทัพบกออกมายืนยันว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. มีแผนเตรียมความพร้อมในการทำลายอาวุธยิงสนับสนุน แต่คำนึงเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก จึงต้องดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ผบ.ทบ.ไม่สั่งการให้เปิดปฏิบัติการทันควัน หลังเกิดเหตุปะทะที่ “พลาญหินแปดก้อน” ในวันแรก

ขณะที่ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ซึ่งเป็นทั้ง "เพื่อน" และ “มือทำงาน” ของ ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง ก่อนจะฝากข้อความประกาศจุดยืนในการทำหน้าที่

"เป้าหมายคือ กองทัพบกจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา" เสธ.ปูด้วงระบุ

นอกจากนั้น “แม่ทัพเติ่งพล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 บัญชาการในวอร์รูมอย่างใกล้ชิด โดยสั่งการให้ หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ยุทธศาสตร์เข้าสู่โหมด “รบทุกมิติ” เพื่อเฝ้าระวังและปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง พร้อมมีคำสั่งชัดเจนว่า ให้ดำเนินการตอบโต้ภายใต้กรอบยุทธวิธีอย่างเป็นระบบ มุ่งปกป้องแผ่นดินไทย ความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน

“แผ่นดินไทยนี้ ต้องไม่ถูกท้าทายอีกต่อไป ไม่มีพื้นที่สำหรับความลังเล มีเพียงหน้าที่ ศักดิ์ศรี และความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ” แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุ

ทางด้านจังหวัดสระแก้วยุติการ “ปักหมุดชั่วคราว-เก็บกู้ทุ่นระเบิด” และเริ่มเปิดปฏิบัติการทางทหารเมื่อเวลา 13.30 น. จากกระสุนควัน เตือนก่อน และดำเนินยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก โดยมี พล.ท.วรยศ เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 อยู่ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ตั้งแต่ช่วงเช้า พร้อมสั่งการให้ “กองกำลังบูรพา” เตรียมความพร้อมในทุกมิติ ในการเข้ายึดพื้นที่ และพร้อมตอบโต้ขั้นสูงสุด โดยในช่วงเย็นได้ยึดพื้นที่ บ.เปยจัน ฝั่งตรงข้ามหนองหญ้าแก้ว ที่กัมพูชารุกล้ำได้สำเร็จ

แต่สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปคือ การทำลายฐานที่มั่นทางทหาร สแกมเมอร์ และฐานปฏิบัติการโดรน และแอนตี้โดรน ที่อยู่ในรัศมีที่ห่างจากชายแดนเข้าไปพอสมควร ตั้งแต่ช่องสะงำ ช่องสายตะกู ช่องจอม ที่ยังตระหง่านโดดเด่น ถูกคุ้มครองด้วย “อิทธิพลมืด” ยังไม่ถูกทำลายไป ส่วนกาสิโนที่ F-16 ไปหย่อนไข่ด้านช่องอานม้า เป็นกาสิโนร้างที่กัมพูชาใช้เป็นฐานวางกำลัง

นอกจากนั้นยังต้องแกะแผนของฮุน เซน จากแต้มต่อในมือที่มีเหลือน้อยว่าจะเลือกเข้าตี “พื้นที่ใด-พื้นที่หนึ่ง” ของไทย ซึ่งพื้นที่นั้นอาจไม่ได้มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ แต่อาจเอาไปใช้โฆษณาหาเสียงให้ตัวเองและตระกูล เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” ให้เสียคะแนนนิยมในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงเพียงแค่นั้นก็ได้

เพียงแต่จังหวะเวลาทั้งหมดนั้น ไทยคงพยายามทำให้จบเร็วตามแผนที่ได้วางไว้  ก่อนที่เหล่าบรรดามหาอำนาจจะแหย่เท้าเข้ามาห้ามทัพเหมือนครั้งที่ผ่านมา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ไม่หวั่นไหว 'ฮุนเซน' ปล่อยภาพใกล้ชิดผู้ว่าฯกัมพูชา มองเป็นเรื่องไร้สาระ

โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯอนุทิน ไม่หวั่นไหว "ฮุนเซน" ใช้วิธีสแกมเมอร์ ปล่อยภาพใกล้ชิดกับผู้ว่าฯกัมพูชา มองเป็นเรื่องไร้สาระ แค่ภาพเก่า ไปร้านอาหาร ไปวัด ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดถึงขนาดเดินในห้องนอน กร้าวปัญหาชายแดนต้องจบในรัฐบาลนี้

'พีระพันธุ์' ร่ายยาว จี้นายกฯต้องเป็นผู้สั่งการเด็ดขาดด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้กองทัพตัดสินใจฝ่ายเดียว

"พีระพันธุ์" จี้นายกฯ ต้องเด็ดขาด บุกยึดพื้นที่ให้จบ เจรจาทีหลัง พร้อมเตรียมยุทธการทางทะเล ขวางกัมพูชาขยับ "หลักเขต 73" ฮุบทรัพยากรไทย

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ดูแลประชาชนในศูนย์อพยพให้ดีที่สุด

นายกฯ ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับผู้ว่าฯ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา กำชับดูแลประชาชน เตรียมความพร้อมโรงพยาบาลดูแลผู้บาดเจ็บ เตรียมคลังเลือดให้พร้อม จัดหน่วยเคลื่อนที่ดูแลศูนย์อพยพ

'อนุทิน' หัวโต๊ะถกชายแดน 'ผบ.ทบ.' เครียด 'บิ๊กต่าย' จัด คฝ.-ตชด. ดูแลพื้นที่

'ผบ.ทบ.' สีหน้าเครียด ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้าน 'บิ๊กต่าย' พร้อมเป็นหน่วยหนุนกองหลัง จัด คฝ.-ตชด. ดูแลพื้นที่ หลัง นายกรัฐมนตรีเรียกเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ถกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

วาระร้อนหลังเปิดสภาฯ12ธ.ค. จุดไฟการเมืองลุกโชนก่อนยุบ!

รัฐสภาจะกลับมาเปิดสมัยประชุมกันอีกครั้งตั้งแต่ 12 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งหากจังหวะการเมืองเดินไปตาม MOA ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทำไว้กับพรรคประชาชน ก็คือจะ ยุบสภาฯ ในวันที่ 31 มกราคม 2569