
“สุริยะ” เผยมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ปลุกกระแสรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยยอดจอง 3,000 คัน เร่งเครื่องนโยบายหนุนการใช้รถยนต์อีวีเต็มสูบ หลังพบกระแสประชาชนที่ต้องการซื้อรถใหม่ให้ความสนใจมากขึ้น
6 เม.ย. 2565 – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 หรือ งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ที่จบไปเมื่อ 3 เม.ย. ที่ผ่านมาว่า มียอดจองรถยนต์ภายในงานรวมทั้งสิ้น 33,936 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 13.6% จากปีที่ผ่านมา เป็นยอดจองรถยนต์ไฟฟ้ารวมประมาณ 3,000 คัน คิดเป็น 10% โดยส่วนหนึ่งมาจากมาตรการของภาครัฐที่ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบกับรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่แนะนำในช่วงงาน รวมถึงแคมเปญกระตุ้นยอดขายของค่ายรถขณะที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นในมาตราฐานด้านความปลอดภัยของการจัดงานทำให้มีตัวเลขผู้เข้าชมงานสูงถึง 1,578,898 คน
นอกจากนี้ การจัดงานปีนี้มีบริษัทผู้ประกอบกิจการรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)เพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1.09 ล้านล้านบาท หรือ 6.4% ของ GDP ของประเทศ ในปี 2564 ประเทศไทยผลิตรถยนต์รวม 1.7 ล้านคัน และคาดว่าปี 2565 ประเทศไทยจะผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นรวม 1.8 ล้านคัน
อย่างไรก็ตามกระทรวงอุตสาหกรรม ได้หารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สมาคมยานยนต์ไทย สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกำหนดวิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของภูมิภาค โดยกำหนดเป้าหมายในปี 2568 การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศรวม 225,000 คันต่อปี คิดเป็น 10% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด และในปี 2573 การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศรวม 725,000 คันต่อปี คิดเป็น 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด
ซึ่งจะทำให้ภายในปี 2573 สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท และสร้างความต้องการแรงงานยานยนต์สมัยใหม่ประมาณ 30,000 อัตราต่อปี
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เร่งขับเคลื่อนปัจจัยแวดล้อมเพื่อสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญ ได้แก่ การจัดทำมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าครอบคลุม รถยนต์ รถกระบะ รถโดยสาร รถบรรทุก รถจักรยานยนต์ รถสามล้อ แบตเตอรี่ และสถานีอัดประจุ รวมทั้งสิ้น 114 มาตรฐาน นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ หรือ ศูนย์ทดสอบ ATTRIC ณ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อการยกระดับมาตรฐานและการวิจัย
ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบด้านยานยนต์แห่งแรกในภูมิภาค ASEAN ประกอบด้วย การวิจัยพัฒนาทดสอบสมรรถนะยานยนต์และชิ้นส่วนต้นแบบ การทดสอบยางล้อ และศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในประเทศมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานสากล
“การใช้รถยนต์ไฟฟ้า BEV ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า BEV สะสมในปี 2563 รวมประมาณ 2,000 คัน และปี 2564 มียอดการจดทะเบียน BEV รวมประมาณ 4,000 คัน โดยคาดการณ์ว่าในปี 2565 จะมียอดการใช้รถยนต์ไฟฟ้า BEV สะสมรวมประมาณ 10,000 คัน ซึ่งจะเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด”นายสุริยะ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สุริยะ' ลั่นเอ็มพีไอปีนี้พุ่งรับอานิสงส์รายได้ท่องเที่ยว 2-3 แสนล้านบาท
“สุริยะ” ลั่นเอ็มพีไอปีนี้รับอานิสงส์รายได้ท่องเที่ยว 2-3 แสนล้านบาท เล็งทบทวนเป้าใหม่ ก.พ.นี้ จากเดิมคาดเติบโต 2.5-3.5% หนุนจีดีพีอุตสาหกรรมเพิ่ม 0.3% ด้าน สศอ. เผยตัวเลขปี 65 เฉลี่ยอยู่ที่ 98.32 โตจากปี 64 ที่ 0.62%
อยู่หรือไป! 'สุริยะ' เปิดปากตอบชัดแล้ว
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเผยถึงความชัดเจนทางการเมือง ท่ามกลางกระแสข่าวกลุ่มสามมิตรถูกจับตามองว่าจะย้ายพรรค หรือยังอยู่กับพปชร.
สุริยะ สั่ง กรมโรงงานฯ เร่งอบรมเจ้าหน้าที่ กทม. เตรียมพร้อมรับถ่ายโอนภารกิจ
สุริยะ สั่ง กรมโรงงานฯ เร่งเครื่อง อบรมเจ้าหน้าที่ กทม. พร้อมเป็นพี่เลี้ยงในการถ่ายโอนภารกิจกำกับดูแลโรงงานจำพวกที 1 และ 2 เน้นทำงานได้จริง สอดคล้องนโยบายใหม่กระทรวงอุตฯ
สุริยะ ลุยถก METI ดึงญี่ปุ่นลงทุน ข่าวดี ไดกิ้น เล็งใช้ไทยเป็นฮับอาเซียน
“สุริยะ” ลุยถก METI ย้ำสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น สานต่องาน 3 ประเด็นหลักทั้งพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่บุคลากรในภาคอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนนโยบาย BCG และ หนุนความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทาน ย้ำการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ร่วมกัน โชว์ศักยภาพพื้นที่ พร้อมดึงลงทุน Smart Park ระยอง
‘สุริยะ’ นำทัพบุกญี่ปุ่นดึงนักลงทุน
‘สุริยะ’ นำทัพบุกญี่ปุ่น มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ พร้อมเอ็มโอยูร่วม อิชิกาวะ ดัน กนอ. ดึงนักลงทุนญี่ปุ่น คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโตกว่า 1 หมื่นล้านบาท