ทีมเศรษฐกิจถกด่วน!บี้หามาตรการอุ้มประชาชนสู้วิกฤติ

 ‘บิ๊กตู่’ เรียกถกทีมเศรษฐกิจรัฐบาลด่วน หลังสารพัดปัญหาของแพงรุมเล่นงานหนัก บี้หามาตรการบรรเทาผลกระทบให้ประชาชน คาดเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาสัปดาห์หน้า

 16 มิ.ย. 65- รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า วันนี้ (16 มิ.ย. 65) เวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นการด่วน เพื่อหามาตรการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจที่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ทั้งราคาน้ำมันแพง เงินเฟ้อ ราคาสินค้าแพง และล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียว 0.75% เป็น 1.75% มีส่วนต่างกับดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่อยู่ระดับ 0.50% สร้างความกังวลเรื่องเงินทุนไหลออก ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนซ้ำเติมเศรษฐกิจมากขึ้น

 ทั้งนี้ คาดว่า การประชุมครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้หน่วยงานเศรษฐกิจต่าง ๆ เสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน ว่ามีอะไรทำได้บ้าง เพื่อให้เร่งดำเนินการเป็นการด่วน และเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในสัปดาห์หน้า

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการช่วยเหลือเบาเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน เป็นหน้าที่ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เป็นผู้รวบรวมมาตรการเพื่อเสนอให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบ ในส่วนของกระทรวงการคลังได้มีการเสนอมาตรการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ สศช. ไปพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง

 สำหรับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท เป็นเวลา 2 เดือน ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค. นี้ กระทรวงคลังจะร่วมกับฝ่ายนโยบายพิจารณาว่า ต้องขยายเวลาต่อไปเพื่อพยุงราคาน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่

 ปลัดกระทรวงการคลัง ยังกล่าวถึงความกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับแนวโน้มหนี้สาธารณะของประเทศไทย ว่า ปัจจุบันสัดส่วนหนี้สาธารณะของไทย อยู่ที่ประมาณ 60.81% คิดเป็นวงเงิน 10.01 ล้านล้านบาท ถือว่ายังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง โดยยืนยันว่าหากยังมีการบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศไทยจะอยู่ไม่เกินกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างแน่นอน

 ‘ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเกี่ยวกับหนี้สาธารณะของประเทศไทย เพราะหากดูตามนิยามของคำว่าหนี้สาธารณะแล้ว จะพบว่ามีหนี้สาธารณะส่วนหนึ่ง ราว 1.2 ล้านล้านบาท ที่ไม่ต้องใช้เงินงบประมาณในการชำระหนี้ เช่น หนี้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), หนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหนี้ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เป็นต้น ที่ใช้เงินของตัวเองในการจ่ายชำระหนี้ ไม่เกี่ยวกับงบประมาณ ดังนั้นหากตัดตัวเลขหนี้ในส่วนนี้ออกไป สัดส่วนหนี้สาธารณะที่แท้จริงจะลดลงอย่างมาก และที่ผ่านมาสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ก็มีการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดีอยู่ มีการวางแผนปรับโครงสร้างหนี้รองรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในปัจจุบัน’ นายกฤษฎา กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คลัง' ชี้ถึงเวลานโยบายการเงินช่วยบูมศก.

“คลัง” แจงขอไม่ก้าวล่วงหลัง กนง. ยังยืนดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี แต่มองถึงเวลาแล้วที่นโยบายการเงินจะต้องเข้ามาช่วยกัน พร้อมเข็นแพ็คเกจกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เปิดช่องผู้ประกอบการขอบีโอไอปักหมุดสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ระบุยังรอ ธปท. ใจอ่อนผ่อนเกณฑ์ LTV สนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์

'คลัง' สั่ง ก.ล.ต. ทบทวนโรบอตเทรดหุ้นชี้กระทบตลาดหุ้นไทย

“คลัง” รับคุย ก.ล.ต. พร้อมสั่งลุยทบทวน Program Trading ชี้กระทบตลาดหุ้นไทย แจง SET Index ดิ่งสวนทางตลาดโลก เป็นเรื่องเฉพาะ เด้งรับคำสั่ง “เศรษฐา” เกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ยันพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง

'คลัง' ลุ้นจีดีพีปี 67 โตแตะ 3.2% เตรียมแผนแก้หนี้นอกระบบ

”คลัง“ลุ้นจีดีพีปี 67 โตแตะ 3.2% หวังมาตรการรัฐหนุนสุดแรง พร้อมจับตาปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน เงินเฟ้อ ภัยพิบัติ ปักธง 28 พ.ย. แจงมาตรการแก้หนี้นอกระบบ

คลังเข็น 'ออมสิน' แก้หนี้ครัวเรือน พร้อมแจกการบ้าน กอช. เพิ่มสมาชิกออม

“คลัง” พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เข็น “ออมสิน” นำร่องแก้หนี้เสีย แจกการบ้าน กอช. ปี 2567 เดินหน้าต้อนประชาชนสมัครสมาชิกแตะ 5-6 ล้านราย

'คลัง' ยันไม่ล้มนโยบายจ่ายเงินเดือน 2 ครั้ง 'ขรก.' ค้านไม่เห็นด้วย

“คลัง” ยันไม่ล้มนโยบายจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 ครั้ง เดินหน้าศึกษาแนวทางทั้งหมด พร้อมรับฟังเสียงข้าราชการแม้ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย