คลังเล็งขายพันธบัตร รุ่นออมเพิ่มสุข ส่วนตกค้างอีก 2.3 พันล้านบาท

สรุปการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นออมเพิ่มสุข

24 มิ.ย.2565 – ตามที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารตัวแทนจำหน่าย ได้เปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นออมเพิ่มสุข ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 45,000 ล้านบาท โดยเป็นการจำหน่ายให้กับประชาชน วงเงิน 40,000 ล้านบาท ในวันที่ 15 – 22 มิถุนายน 2565 และนิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร จำนวน 5,000 ล้านบาท ในวันที่ 20 – 30 มิถุนายน 2565 นั้น

ขอรายงานการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. ภายใต้วงเงินที่จัดจำหน่ายให้แก่ประชาชนจำนวน 40,000 ล้านบาท ได้ดำเนินการจัดสรรให้กับผู้ลงทุน 19,501 ราย เป็นวงเงินทั้งสิ้น 37,693.452 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 94.23 ของวงเงิน และมีวงเงินคงเหลือจำนวน 2,306.548 ล้านบาท โดยการจัดสรรวงเงินดังกล่าว ได้ดำเนินการผ่านระบบจัดสรรอัตโนมัติ (Automatic Queuing System) เรียงตามคำสั่งซื้อที่ส่งเข้าสู่ระบบจัดสรรกลางของ ธปท. (First Come, First Served)

2. การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก ทำให้มีคำสั่งซื้อถูกส่งเข้าสู่ระบบจัดสรรกลางของ ธปท. ในปริมาณมากกว่าปกติ ส่งผลให้ระบบจัดสรรไม่สามารถประมวลผลได้ทันและมีคำสั่งซื้อที่ค้างคิวอยู่จำนวนมาก เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดแก่ผู้สนใจลงทุน  สบน. และ ธปท. จึงได้ปิดระบบรับคำสั่งซื้อในเวลา 09.41 น. ของวันที่ 15 มิถุนายน 2565

3. ในการแก้ไขปัญหา สบน. ร่วมกับ ธปท. ได้นำข้อมูลทั้งหมดที่ถูกส่งเข้ามายังระบบงานกลางของ ธปท. มาจัดสรรตามลำดับเวลาที่ได้รับในระบบ ทั้งนี้ปัญหาความแออัดของคำสั่งซื้อดังกล่าว ทำให้คำสั่งซื้อของผู้สนใจลงทุนบางรายไม่ถูกส่งผ่านเข้ามายังระบบจัดสรรกลางของ ธปท. จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้สนใจลงทุนบางส่วนไม่ได้รับจัดสรรพันธบัตรออมทรัพย์ข้างต้น

ในการดำเนินการจัดสรรพันธบัตรหลังการปิดระบบนั้น ธนาคารตัวแทนจะต้องติดต่อผู้สนใจลงทุนแต่ละรายตามลำดับเพื่อยืนยันคำสั่งซื้อ ซึ่งพบว่าบางกลุ่ม (1) ไม่สามารถติดต่อได้ (2) นำเงินไปลงทุนด้านอื่นแล้ว หรือ (3) ปฏิเสธการซื้อ ซึ่ง ธปท. ต้องจัดสรรสิทธิให้กับผู้สั่งซื้อในลำดับถัดมา ทำให้กระบวนการใช้เวลานานกว่าปกติ โดยสามารถปิดรายการคำสั่งซื้อที่ได้รับทั้งหมดได้ในวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา และยังมีวงเงินคงเหลือข้างต้น นอกจากนี้ จากความขัดข้องของระบบดังกล่าว ทำให้ต้องกลับไปใช้กระบวนการออกสมุดพันธบัตรแบบเดิมที่ใช้เวลานานขึ้น

4. สำหรับการจำหน่ายพันธบัตรให้กับนิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไรในวันที่ 20 มิถุนายน 2565 จำนวน 5,000 ล้านบาท สามารถจัดสรรให้กับผู้ลงทุน 81 ราย วงเงินทั้งสิ้น 4,999.910 ล้านบาท และมีวงเงินคงเหลือจำนวน 90,000 บาท

5. ดังนั้น วงเงินคงเหลือจากการจำหน่ายให้กับประชาชนและนิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไรจำนวนทั้งสิ้น 2,306.638 ล้านบาทนั้น สบน. และผู้ที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันประเมินความพร้อมของระบบจำหน่าย และจะนำวงเงินดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งในการจำหน่ายเพิ่มเติม ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นออมเพิ่มสุข ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรและได้ชำระเงินแล้วในระหว่างวันที่ 15 – 22 มิถุนายน 2565  สามารถรับสมุดพันธบัตร (bond book) หรือปรับสมุดพันธบัตรได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป ณ ธนาคารตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา โดยการได้รับสมุดพันธบัตรเร็วหรือช้า จะไม่มีผลต่อดอกเบี้ยพันธบัตรที่เริ่มคำนวณตั้งแต่วันที่ผู้ซื้อจ่ายเงินแล้วแต่อย่างใด

สบน. และ ธปท. ขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจลงทุนพันธบัตรออมทรัพย์ด้วยดีเสมอมา และขออภัยในความไม่สะดวกและจะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อพันธบัตรที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เชิญชวนประชาชน ร่วมโครงการ 'คุณสู้ เราช่วย' เปิด 5 ขั้นตอนง่ายๆ ลงทะเบียน

รัฐบาล เชิญชวนประชาชน ร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” พร้อมเปิด 5 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อลงทะเบียน ฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประเทศ

Virtual Bank ..ธนาคารในโลกดิจิทัล มุมมอง..ผ่านวิสัยทัศน์ 'ผยง ศรีวนิช'

ตั้งแต่กระทรวงการคลัง ประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank หรือ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ..จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติ ศักยภาพ และความสามารถของผู้ขออนุญาต  โดยคาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อได้ภายในช่วงกลางปี 2568 โดยผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ

นักเศรษฐศาสตร์ ฉีกหน้า ‘พิชัย’ ย้ำแนวคิดรื้อจัดเก็บภาษี ยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำมากขึ้น

นักเศรษฐศาสตร์ฉีกหน้า”ขุนคลัง-พิชัย”ย้ำแนวคิดรื้อจัดเก็บภาษียิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำมากขึ้นไม่ใช่ลดเตือนลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเสี่ยงเกิดวิกฤติการคลังคนสงสัยเอื้อประโยชน์คนในรัฐบาล-กลุ่มทุนใหญ่  แนะเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ในอัตราก้าวหน้าจะได้ผลกว่า