จับมือ‘ทล.-ทช.-กทพ.’บูรณาการพัฒนานวัตกรรม โครงข่ายทางถนน ประเดิม 5 โปรเจ็กต์ มูลค่ารวม 2.33 แสนล้าน ลุยทบทวนมูลค่าการก่อสร้าง ก่อนเร่งเครื่องเต็มสูบ พร้อมเตรียมจัดตั้งกองทุน TFF มูลค่าหลายแสนล้าน เดินหน้าโครงการฯ หวังลดความซ้ำซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพ–ความรวดเร็วในการทำงาน
12 ก.ค.2565 – นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการบูรณาการการพัฒนานวัตกรรมและโครงข่ายทางถนนร่วมกันระหว่างกรมทางหลวง (ทล.) โดยนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดี ทล., กรมทางหลวงชนบท (ทช.) โดยนายสมชาย ลีลาประภาภรณ์ รองอธิบดี ทช. และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. ร่วมลงนามวันนี้ (11 ก.ค. 2565) ว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการกำหนดแนวทางในการพัฒนาโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) โครงการทางหลวงชนบท และโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน)
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว จะให้ความร่วมมือในการวางแผน การศึกษา และออกแบบโครงการ พร้อมทั้งส่งเสริมสนับสนุน เรียนรู้ และพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เช่น การบริหารจัดการแบบ Single Command เพื่อให้เกิดการสั่งการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ การเชื่อมโยงข้อมูลการจราจรเพื่อวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาการจราจรในโครงข่ายคมนาคมทางถนนของประเทศ
สำหรับโครงข่ายที่จะบูรณาการการพัฒนาโครงการร่วมกัน มี 5 โครงการ รวมมูลค่า 233,799 ล้านบาท จากทั้งหมดประมาณ 19 โครงการ ได้แก่
1.โครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่–เกาะแก้ว–กะทู้ จ.ภูเก็ต ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร (กม.) มูลค่าลงทุนโครงการ 30,456 ล้านบาท ซึ่งเดิมกรมทางหลวง (ทล.) ได้เคยศึกษาออกแบบเป็นทางหลวงแนวใหม่สายเมืองใหม่–เกาะแก้วนั้น มอบให้ กทพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการเป็นรูปแบบทางพิเศษเชื่อมต่อกับโครงการทางพิเศษสายกะทู้–ป่าตอง
2.โครงการทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 305 (ปทุมธานี–รังสิต–องครักษ์) วงเงิน 38,557 ล้านบาท ระยะทางประมาณ 20 กม. ที่ ทล. ได้ศึกษาออกแบบไว้ ให้ กทพ. เป็นผู้ดำเนินการเป็นโครงการทางพิเศษสายอุดรรัถยา–ปทุมธานี
3.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายทางยกระดับศรีนครินทร์–ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 43,186 ล้านบาท ระยะทางประมาณ 18 กม. ที่ ทล. ได้ศึกษาออกแบบไว้ ให้ กทพ. เป็นผู้ดำเนินการเป็นทางพิเศษ โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
4.โครงข่ายทางสนับสนุนการเชื่อมต่อระบบขนส่งหลักของประเทศ ช่วงจังหวัดสมุทรสาคร–สมุทรปราการ (สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และถนนเชื่อมต่อ) วงเงิน 96,600 ล้านบาท ระยะทางประมาณ 72 กม. ที่กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ศึกษาและออกแบบไว้นั้น รวมทั้งได้เสนอรายงาน EIA ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการและเตรียมนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ มอบให้ กทพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ โดยบูรณาการร่วมกับโครงการถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร(กทม.) รอบที่ 3 ด้านใต้ และให้ ทช. เป็นผู้ดำเนินโครงการถนนโครงข่ายรองที่เชื่อมต่อช่วงถนนจาก ทล.3 บรรจบทล.34 ระยะทางประมาณ 16 กม.
5.โครงการสะพานเชื่อมเกาะสมุย จาก อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ไปยัง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช วงเงิน 25,000 ล้านบาท ระยะทางประมาณ 17 กม. ให้ กทพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า การบูรณาการพัฒนาโครงการร่วมกัน ระหว่าง ทล., ทช. จำนวน 5 โครงการ โดยให้กทพ. เป็นผู้ดำเนินโครงการนั้น จะทำให้โครงการต่างๆ นำไปสู่การปฏิบัติ ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม“สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย” โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่ภาครัฐจะต้องนำงบประมาณไปดำเนินการป้องกัน และฟื้นฟูสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งหาก กทพ. เป็นผู้ดำเนินการจะมีความคุ้มค่าในการลงทุน สามารถหารายได้เชิงพาณิชย์ นอกเหนือจากการเก็บค่าผ่านทางได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการผลักภาระให้กับประชาชน เพราะเส้นทางมอเตอร์เวย์ หาก ทล.เป็นผู้ดำเนินการ ก็จะมีการเก็บค่าผ่านทางอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การดำเนินการของ กทพ. สามารถนำงบประมาณมาจากการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน (PPP) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund: TFF) ซึ่งจะมีการจัดตั้งกองทุนในแต่ละโครงการ รวมมูลค่าหลายแสนล้านบาท โดยได้มอบนโยบายให้ไปพิจารณาจัดลำดับความสำคัญ และความเป็นไปได้ของโครงการฯ พร้อมทั้งนำต้นแบบการหารายได้เชิงพาณิชย์ อาทิ จุดจอดพักรถ, คอมมูนิตี้มอลล์ โดยนำต้นแบบจากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะมีการไปทบทวนมูลค่าการก่อสร้าง ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการได้ทันที นอกจากนี้ มอบหมายให้พิจารณาคงามร่วมมือระหว่าง ทล., ทช. และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รวมถึงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ด้วย
สำหรับการบูรณาการความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมและโครงข่ายทางถนนร่วมกันระหว่าง ทล. ทช. และ กทพ. ในครั้งนี้ เป็นมิติใหม่ในการทำงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐในการวางแผนการดำเนินงานเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการดำเนินงาน สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ทางได้รับความสะดวก ปลอดภัย ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากยิ่งขึ้นนับเป็นการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมทางถนนของประเทศไทยอย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดคำวินิจฉัย ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย ชี้ความเป็นรมต. 'ศักดิ์สยาม' ไม่สิ้นสุดลง
จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 1 เสียง ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5)
'เสี่ยหนู' ประกาศชัด! เชียร์ 'ไชยชนก' นั่งเลขาฯ คนใหม่
'อนุทิน' เผยเลือกเลขาฯ คนใหม่ เม.ย. เชียร์ 'ไชยชนก ชิดชอบ' ขึ้่นแท่นพ่อบ้านภูมิใจไทย ส่งสัญญาณดึงคนรุ่นใหม่ นั่ง กก.บห. เพิ่ม
ภูมิใจไทยรอด! 'นักวิชาการ' ชี้เป็นความผิดส่วนบุคคล ส่วนเงินบริจาคไม่ผิดกฎหมาย
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นต่อโอกาสยุบพรรคภูมิใจไทย จากความผิดของเลขาธิการพรรคว่า
ซ้ำอีกดอก! 'พี่ศรี' จ่อร้อง กกต.กรณี ซุกหุ้น 'ศักดิ์สยาม-ภูมิใจไทย' ต้องถึงยุบพรรคหรือไม่
นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 1 ให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รม
อนุกกต.เรียกหจก. บุรีเจริญ แจงบริจาคเงินเข้าภูมิใจไทย
ผู้สี่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อเดือนมี.ค. 66 ก่อนการเลือกตั้ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างเหตุว่า นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ มีพฤติการณ์เป็นนอมินีถือหุ้นในหจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นแทนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และทั้งนายศุภวัฒน์ หจก. บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ จำกัด ได้มีการบริจาคเงินเข้าพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่ปี 2561-2565 รวมจำนวนหลาย 10 ล้านบาท เงินบริจาคดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายขัดมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 นั้น
'น้องเพลง' ไขก๊อก! 'เจ๊มันแกว' เสียบแทน สส.ปาร์ตี้ลิสต์
'นันทนา สงฆ์ประชา' ขยับนั่ง สส.บัญชีรายชื่อภูมิใจไทย เสียบแทน 'น้องเพลง' หลังเปิดทางลาออกสมาชิกพรรค