‘CIMBT’ ฟันธง กนง. สั่งขึ้นดอกเบี้ยแน่ จับตาเสียงแตกสั่งขยับแรง 0.50%

ขึ้นแน่! ‘CIMBT’ ฟันธง 10 ส.ค. นี้ กนง. เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแน่ 0.25% จับตากรรมการเสียงแตกสั่งขยับแรง 0.50% พร้อมกาง 3 ปัจจัยตัวเร่ง เงินเฟ้อคาดการณ์สูง-เงินไหลออกทำบาทอ่อน-สภาพคล่องสูงแต่ดอกเบี้ยต่ำ

10 ส.ค. 2565 – นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า เห็นสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายชัดเจนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยหลังเปิดเมือง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนธุรกิจภาคบริการ อีกทั้งภาคการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่องช่วยสนับสนุนภาคการผลิต

อย่างไรก็ดีปัญหาเงินเฟ้อพุ่งแรง ต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ เพิ่มสูง ส่งผลให้การใช้จ่ายของครัวเรือนเติบโตช้าและกระจุกตัวในกลุ่มรายได้กลาง-บน และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวและส่งออก แต่การท่องเที่ยวกระจุกตัวในจังหวัดท่องเที่ยวเพียงไม่กี่แห่ง ส่วนกลุ่มภาคเกษตรยังเผชิญปัญหา ธุรกิจขนาดกลางและเล็กยังมีปัญหาหนี้สูง รายได้โตไม่ทันรายจ่าย ผลจากปัญหาเงินเฟ้อพุ่งแรง จึงเห็นสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่10ส.ค.2565

ทั้งนี้ คำถามสำคัญตอนนี้ หากขึ้นดอกเบี้ยช้าหรือไม่แรงพอจะเกิดอะไรขึ้น หากกนง.รอบนี้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.25% ไปสู่ระดับ 0.75% ต่อปี เป็นระดับที่รับรู้ของตลาดเงินและตลาดทุนอยู่แล้ว แต่ที่ต้องจับตามองต่อ เป็นการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง ที่ชัดเจน รวดเร็ว และขึ้นแรง เนื่องจากรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไทยตามหลังสหรัฐฯ และประเทศอื่นมามากแล้ว และหากปรับขึ้นเพียง0.25% และไม่ได้มีการส่งสัญญาณใด ๆ หรือให้น้ำหนักกับการคงดอกเบี้ยต่ำเพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Dovish) มากเกินไป อาจจะได้เห็นสิ่งต่อไปนี้ 1.เงินเฟ้อคาดการณ์สูง ราคาสินค้าอาจขยับขึ้นต่อเนื่องในอนาคต หากไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นด้านเสถียรภาพราคาได้ อาจเห็นการปรับขึ้นราคาสินค้าจากฝั่งอุปสงค์ที่มีการอั้นมานาน และทยอยปรับขึ้นต่อเนื่องทำให้เงินเฟ้อยังสูงในปีหน้า

2.เงินไหลออกทำบาทอ่อนค่า จากการเทขายพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และบาทที่อ่อนอาจมีผลต่อต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มสูงทำให้เงินเฟ้อเร่งต่อเนื่อง แม้บาทอ่อนช่วยกลุ่มท่องเที่ยวและส่งออก แต่ความผันผวนที่สูงมีผลให้การบริหารทางบัญชีมีความลำบากและ 3. สภาพคล่องที่สูงแต่ดอกเบี้ยต่ำ ทำให้คนอยากเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงมากเกินไป หรือประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป จนอาจมีผลต่อความเสี่ยงด้านสถาบันการเงินในอนาคต

นายอมรเทพ กล่าวอีกว่า 3 ปัจจัยข้างต้นอาจเป็นเหตุผลให้ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย0.5% อย่างไรก็ดี หากกนง. ขึ้นดอกเบี้ยแรงรอบแรกนี้ถึง 0.5% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ระดับ1.0% ต่อปี ก็อาจไม่เหนือความคาดหมายของตลาด แต่ให้น้ำหนักน้อย และน่าจะเกิดจากความล่าช้าของไทยในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้า และการประชุม กนง. ที่เว้นระยะห่างไว้มากกว่าเดิม ทำให้พอจะปรับขึ้นก็ต้องปรับแรงขึ้น

อีกทั้ง คณะกรรมการเสียงข้างน้อยที่เสนอให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบก่อนอีก 0.25% อาจเสนอให้ปรับขึ้น 0.50% ในรอบนี้ไปเลย แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงที่ 0.5% ในครั้งเดียวก็ไม่น่าทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนผันผวน แต่อาจต้องพิจารณาการส่งผ่านของอัตราดอกเบี้ยสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจในปลายปีนี้ถึงปีหน้า เพราะเศรษฐกิจไทยยังเติบโตช้าและระดับเศรษฐกิจไทยยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด ไม่เหมือนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและประเทศอื่นที่ฟื้นได้ก่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว

“ผมฟันธง กนง.จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% แต่เสียงแตก มติไม่เป็นเอกฉันท์ โดยกนง. เสียงข้างมาก น่าจะให้น้ำหนักความเสี่ยงในการฟื้นตัวและการกระจายตัวของเศรษฐกิจไทย จึงปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เท่านั้น และน่าจะมีเสียงข้างน้อย 3 เสียงเช่นเดิมที่สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.5% ไม่ว่าจะทางไหน ดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นนี้ จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่มีหนี้สูงและมีการฟื้นตัวช้า โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีหนี้มากและยังมีปัญหารายได้โตไม่ทันรายจ่าย เช่น กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ การสื่อสารและโทรคมนาคม ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจขนส่ง การก่อสร้างและขายวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจสำนักงานให้เช่า ยกเว้นว่ากลุ่มดังกล่าว อยู่ในพื้นที่หรือมีลูกค้ากลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว การส่งออก และการฟื้นตัวของกำลังซื้อระดับกลางถึงบนก็จะได้รับผลกระทบน้อย เพราะปัญหาเศรษฐกิจไทยรอบนี้มาจากการฟื้นตัวที่ช้าของกำลังซื้อระดับล่าง โดยเฉพาะในช่วงที่เงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับสูง” นายอมรเทพ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ฝากบอกแบงก์ชาติเป็นองค์กรอิสระ แต่ควรคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ปชช.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ขอให้มีการปรับลดดอกเบี้ย ได้พูดคุยเรื่องดังกล่าวกับนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ หรือยัง ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายดนุชา แต่ตนทราบมาก่อนแล้ว

'กนง.' ฝ่าแรงกดดันยืนมติไม่ลดดอกเบี้ย

กนง. มีมติ 5:2 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ชี้ดอกเบี้ยปัจจุบันยังสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งเอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว

กสิกรฯ ชี้ไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด มอง กนง. มีสิทธิ์ลดดอกเบี้ย

เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนม.ค. 2567 ติดลบเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันและต่ำสุดในรอบ 35 เดือนที่ -1.11% YoY โดยเป็นผลมาจากมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของภาครัฐ