ส.อ.ท.จับตาราคาพลังงานและค่าขนส่งฉุดเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้าย

ส.อ.ท.จับตาปัจจัยเสี่ยงกดดันเศรษฐกิจไทยโค้งสุดท้ายของปี หวั่นฉุดรั้งการผลิตและแรงซื้อประชาชน หลังราคาสินค้าทยอยขึ้น เหตุวัตถุดิบแพง จากระดับราคาพลังงานและค่าขนส่งที่สูง  

11 พ.ย. 2564 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้ติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการผลิตและเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เนื่องจากจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตในภาพรวมที่ต้องปรับตัวสูงขึ้นและสะท้อนไปยังราคาสินค้าที่อาจบั่นทอนแรงซื้อประชาชนที่ลดลงได้ ประกอบด้วย 1.ต้นทุนวัตถุดิบทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ การเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาสินค้ากลางน้ำและปลายน้ำทยอยปรับราคา 2.แรงงานต่างด้าวขาดแคลนจากผลกระทบของโควิด-19  และ 3.อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าและผันผวนที่กระทบต่อการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบและพลังงาน  

ขณะเดียวกันจากระดับราคาพลังงานทั้งน้ำมัน ถ่านหิน ฯลฯ ตลาดโลกที่เพิ่มสูงทำให้วัตถุดิบที่ใช้พลังงานปริมาณมากปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่น เหล็ก อะลูมิเนียม ปิโตรเคมี ฯลฯ  เช่นเดียวกับภาคขนส่งที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตและเกษตรได้รับผลกระทบจากระดับราคาน้ำมันที่สูงเช่นกัน และล่าสุดต้องติดตามกรณีที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยได้ดีเดย์หยุดวิ่งรถขนส่งสินค้าทั่วประเทศแล้ว 20% และวันที่16 พ.ย.นี้ จัดกิจกรรม truck power 2 ปิดล้อมเมือง เพื่อยกระดับกดดันรัฐบาลให้กำหนดราคาดีเซลเหลือลิตรละ 25 บาทเป็นเวลา 1 ปีว่าจะกระทบมากน้อยเพียงใด  

“สำหรับปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ไทยขาดแคลนเนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้แรงงานส่วนหนึ่งได้เดินทางกลับประเทศตัวเองแล้วบางส่วนยังไม่ได้กลับมา ขณะที่ภาคการส่งออกที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อาหาร ขยายตัวต่อเนื่องจากยอดส่งออกที่เติบโต ทำให้แรงงานส่วนนี้ต้องการเพิ่มขึ้น และเมื่อไทยเปิดประเทศทำให้แรงงานในภาคการผลิตและท่องเที่ยว บริการต้องการเพิ่มเข้ามาอีกซึ่งประเมินว่าแรงงานต่างด้าวที่ขาดแคลนรวมจะอยู่ราว 8 แสนคน(ภาคผลิต 3-5 แสนคนและบริการท่องเที่ยวอีก 3 แสนคน) ดังนั้นหากแรงงานเข้ามาไม่ทันกับความต้องการก็จะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจได้”นายเกรียงไกร กล่าง 

นอกจากนี้ภาวะอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยล่าสุดอยู่ในกรอบ 32.70-32.90 บาทต่อเหรียญสหรัฐโดยมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากทิศทางเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าสุดในรอบปี ซึ่งค่าเงินบาทยังมีทิศทางผันผวนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เผชิญภาวะเงินเฟ้อและต้องติดตามโควิด-19 ช่วงฤดูหนาวที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกปลายปีนี้  ทั้งนี้หากบาทอ่อนค่านั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย กล่าวคือผลดีต่อภาคการส่งออกที่จะเป็นแต้มต่อให้ไทยมากขึ้น ขณะที่ผลเสียคือการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ และรวมถึงพลังงานจะสูงขึ้นอีกเพราะไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก 

นายเกรียงไกร กล่าวว่าราคาพลังงานตลาดโลกที่สูง วัตถุดิบที่แพงหากต้องเจอการนำเข้าก็ยิ่งเป็น 2 เด้งจากบาทที่อ่อนค่า ภาพรวมบาทอ่อนจึงมีทั้งผลดีและเสียต่อเศรษฐกิจไทยจึงต้องให้สมดุลดีสุด  อย่างไรก็ตามหลังรัฐเปิดประเทศ 1 พ.ย. รับท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นแต่ต่างชาติอาจยังมาได้จำกัดแม้แต่ปีหน้าเพราะจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหลักของไทยยังไม่มา และสิ่งสำคัญต้องควบคุมโควิด-19 ให้ดีๆ  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส.อ.ท. เดินหน้าปั้น SMEs และ Startups ไทย เปิดหลักสูตร K-FTI Acceleration Program รุ่น 3 เสริมศักยภาพ-เข้าถึงแหล่งทุน

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเคพีเอ็มจี ประเทศไทย เปิดรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ “K-FTI Acceleration

'TIPMSE'หนุนเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเป็นวัตถุดิบสร้างมูลค่า-ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม

‘TIPMSE’ รวมพลังรวมพลังขับเคลื่อน การจัดการบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ด้วยหลัก EPRเ ปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัตถุดิบ ชู4กลยุทธ์ร่วมผลักดัน พัฒนากลไก EPR ระบบเก็บกลับ สร้างการมีส่วนร่วม และออกแบบเพื่อการรีไซเคิลตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนสร้างมูลค่าเพิ่ม

กกร.เคาะกรอบจีดีพีใหม่ โตต่ำกว่าเดิมอยู่ที่ 2-2.2%

กกร.เคาะกรอบจีดีพีใหม่ โตต่ำกว่าเดิมอยู่ที่ 2 - 2.2% รับกำแพงภาษีสหรัฐกระทบหนักแม้จะลดหย่อนเหลือ 10% ฉุดมูลค่าการส่งออกตกตาม ย้ำจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อลดภาษีให้สำเร็จ

'อิ๊งค์' คุย กกร. ชื่นมื่น! ปลื้มอวย 'พ่อนายกฯ' แก้เศรษฐกิจเก่งสุด

นายกฯ คุย ‘กกร.’ รับข้อเสนอแก้เศรษฐกิจ จับมือเอกชนหารายได้ใหม่เข้าประเทศ ด้าน ‘สนั่น’ เชื่อมั่นรัฐบาลอิ๊งค์ พร้อมช่วยดันจีดีพีโต ชมเปาะ 'ทักษิณ' เก่งสุด