
“พาณิชย์”เผยเงินเฟ้อม.ค.66 เพิ่มขึ้น 5.02% ชะลอตัวลงต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หลังสินค้าทั้งกลุ่มน้ำมัน อาหาร เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง คาดแนวโน้มเงินเฟ้อจะลดลงต่อเนื่อง หากไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติมากดดัน ทั้งปีตั้งเป้า 2-3% ค่ากลาง 2.5%
6 ก.พ. 2566 – นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนม.ค.2565 เท่ากับ 108.18 เทียบกับธ.ค.2565 เพิ่มขึ้น 0.30% เทียบกับเดือนม.ค.2565 เพิ่มขึ้น 5.02% ชะลอตัวลงจากเดือนธ.ค.2565 ที่สูงขึ้น 5.89% และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ตามการชะลอตัวของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานและอาหาร ขณะที่ความต้องการบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว เทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน ส่งผลให้การใช้จ่ายคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อเดือนม.ค.2566 สูงขึ้น 5.02% มาจากการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวของสินค้าในหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 3.18% ได้แก่ กลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทุกประเภท ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม รวมทั้งค่าโดยสารสาธารณะ ทั้งรถเมล์เล็ก รถสองแถว รถแท็กซี่ เครื่องบิน และยังมีการสูงขึ้นของวัสดุก่อสร้าง ค่าแรงช่าง ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล เช่น สบู่ถูตัว ยาสีฟัน ค่าแต่งผมชาย สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก ส่วนสินค้าที่ปรับลดลง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า เสื้อและกางเกง ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว แป้งผัดหน้า ผ้าอ้อมสำเร็จรูป และค่าสมาชิกเคเบิลทีวี
ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 7.70% แต่ก็ชะลอตัวลง โดยอาหารสำเร็จรูปที่สูงขึ้น เช่น กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ข้าวกล่อง อาหารเช้า ผักและผลไม้สด เช่น ต้นหอม มะเขือ ผักบุ้ง แตงโม ส้มเขียวหวาน มะม่วง ข้าวสาร และไข่ไก่ ซึ่งมีสาเหตุสำคัญยังคงเป็นต้นทุนที่อยู่ระดับสูง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาว ส่วนสินค้าที่ราคาลดลง เช่น เนื้อสุกร จากปริมาณที่มีเพียงพอต่อความต้องการ ผักสดและผลไม้บางชนิด เช่น ขิง ถั่วฝักยาว พริกสด แครอท ทุเรียน
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.2565 และเพิ่มขึ้น 3.04% เมื่อเทียบกับม.ค.2565
นายวิชานัน กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนก.พ.2566 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่ลดลง และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี ยกเว้นจะมีสถานการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้น เหมือนกับปีที่ผ่านมา ที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อปีนี้ ยังคงเป็นสินค้าในกลุ่มพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเงินเฟ้อ และราคาสินค้าในกลุ่มอาหารที่ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของภาคการท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ แต่ก็มีแนวโน้มได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า ส่งผลดีต่อต้นทุนนำเข้า ซึ่งจะช่วยให้เงินเฟ้อไม่สูงมากนัก โดยเงินเฟ้อทั้งปียังคงคาดการณ์ 2-3% ค่ากลาง 2.5% ไม่หลุดกรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ที่ 1.0-3.0% ยกเว้นมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง จะมีการทบทวนอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พาณิชย์เผยอาเซียนเนื้อหอมดูดเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอาเซียนกลายเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ จากการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการทำธุรกิจพร้อมกับการปรับปรุงการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน
ดัชนีเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้น
สนค.จับมือ ศอ.บต. แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไตรมาส 3 ปี 66 พบปรับเพิ่มขึ้น จากการเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ สังคม หลังมีรายได้เพิ่มจากราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น การเมืองชัดเจน นโยบายรัฐบาลแก้ไขภาระค่าครองชีพ ส่วนด้านความมั่นคง ลดเล็งน้อย เผยคนยังกังวลเรื่องค่าครองชีพ รายได้ไม่เพียงพอ ยาเสพติด รวมถึงสินค้าเกษตรตกต่ำ และปัญหาหนี้สิน
'พิชัย' อ้อมโลกอวยดิจิทัล วอลเล็ตอ้างทั้งเงินเฟ้อติดลบ-ภาวะเงินฝืด
'พิชัย' ชี้เงินเฟ้อไทยติดลบ แสดงถึงคนไทยขาดกำลังซื้อ เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย แนะ การกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็น
มังคุดไทย 9 เดือนแรก โกยรายได้ส่งออก 1.6 หมื่นล้านบาท จ่อขยายตลาดไปญี่ปุ่น
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ศึกษาข้อมูลสถานการณ์การค้ามังคุด ซึ่งเป็นผลไม้ส่งออกสำคัญของไทยรองจากทุเรียน และลำไย มังคุดไทยมีจุดเด่น
พาณิชย์ชี้ ครบรอบ 1 เดือนสงครามอิสราเอล-ฮามาส เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบเล็กน้อย
พัฒนาการของสงครามระหว่างอิสราเอลฮามาสที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนยกระดับความรุนแรงมากขึ้นต่อเนื่องแต่ยังไม่ขยายวงกว้าง และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมากนักแต่สถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอน นับเป็นความเสี่ยงใหม่ของเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้าที่ต้องจับตาและประเมินผลกระทบในระยะยาว ขณะเดียวกันก็เป็นทั้งประเด็นท้าทายและโอกาสของไทยด้วย
พาณิชย์ชี้เงินเฟ้อต่ำหนุน 'ไทย' ติดโผประเทศน่าอยู่ของต่างชาติวัยเกษียณ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงแนวโน้มสังคมสูงวัยที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก