เศรษฐา-แสนสิริ-เหรียญโทเค็น...ยิ่งลักษณ์-เอสซี-ตู้ห่าว ... ทักษิณ-ชินคอร์ปฯ รูปแบบ "ธุรกิจการเมือง" ?

ก้าวทางการเมืองที่ฮือฮาที่สุดเรื่องหนึ่งในพรรคเพื่อไทย คือ การได้ คุณ เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจเจ้าพ่ออสังหาฯ ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

นโยบายหนึ่งที่ “สะดุดหู” แปลก ดูไม่เหมือนใคร คือ นโยบายซึ่ง คุณ เศรษฐา แถลงในนโยบายด้านเศรษฐกิจชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่า พรรคเพื่อไทย มีนโยบายจะ “กระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยการสร้าง “กระเป๋าเงินดิจิทัล” (Digital Wallet) ให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้จับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันใกล้บ้าน พร้อมเงินติดกระเป๋าที่รัฐจะแจกให้ทุกคน แต่เงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้เฉพาะกับร้านค้าชุมชน และต้องอยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตรเท่านั้น เงินดิจิทัลนี้มีอายุการใช้งาน 6 เดือน และร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารรัฐในภายหลัง นโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับชุมชน เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งตั้งแต่ระดับชุมชนขึ้นไปจนระดับประเทศ”

มีคำถามที่น่าแปลกใจว่า ในเมื่อคนไทย ได้มี “เป๋าตัง” เป็น “กระเป๋าเงินดิจิทัล” (Digital Wallet) ของคนไทยทั้งประเทศ  แล้ว “ทำไมต้องมีเหรียญโทเค็นอีก ?” ทั้งที่ แอปฯ เป๋าตัง ทำได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 34 ล้านราย ! คนไทยทั่วประเทศ มี “เป๋าตัง” เท่าเทียมกัน “แสกน” จ่ายเงิน และ รับเงินกันอย่างคล่องแคล่ว กว้างขวาง ตอบสนองนโยบายได้เป็นอย่างดี

… “คนละครึ่ง” กระตุ้นให้ประชาชนจับจ่าย และ รักษาวินัย จะจ่าย ก็ต้องออกเงินเองครึ่งหนึ่ง และ ช่วยในช่วงเศรษฐกิจซบเซา จากปัญหาโควิด

… “เราเที่ยวด้วยกัน” กระตุ้นให้ประชาชนท่องเที่ยว เพื่อพยุงเยียวยารายได้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวอย่างได้ผล รัฐช่วยแบ่งจ่าย ประชาชนไทยได้เที่ยวราคาถูก ผู้ประกอบการได้รายได้ 2 ทาง มีแจกคูปองค่าอาหารให้ด้วย

… เป็น “เป๋าตัง” สำหรับ เงินช่วยเหลือสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยผู้สูงวัย ฯลฯ ใช้กันอย่างกว้างขวาง จนคุ้นเคย

จึงไม่เห็นเหตุที่จะต้อง “เปลี่ยน” สิ่งที่ดี ลงทุนสำเร็จ E-Wallet ไปแล้ว ให้มาใช้ “เหรียญโทเคน” แต่อย่างใด !

คนที่อาจแปลกใจว่า ทำไม ผู้พูด คือ คุณ เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ควรทราบว่า แสนสิริเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด 13.03% ในบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) ใช้เงินลงทุนไปรวม 1,650 + หุ้นสิทธิ์ 409 = 2,059 ล้านบาท

ซึ่งการลงทุนของแสนสิริ สร้างความผันผวนให้ราคาหุ้นเป็นอย่างมาก กลายเป็นหุ้น “ร้อนแรง” ขึ้นลงหลายเท่าตัว ดังภาพจากราคา ในวันที่มีมติเพิ่มทุน ราคาหุ้น (หลังปรับสิทธิ์) อยู่ที่ 1.953 บาท ขึ้นไปถึง 4.38 บาท (2.24 เท่า) และ ปัจจุบันเหลือ 1.15 บาท (ต่ำกว่าราคาสูงสุด 3.8 เท่า) แมงเม่าเข้าไปซื้อขายกันมากจนมูลค่าการซื้อขายสูงก็เป็นขาลง รับของที่ถูกทิ้ง ขาดทุนกันไปมากมาย ที่ราคาปัจจุบัน มูลค่าการลงทุนของแสนสิริ ใน XPG ลดลงจาก 2,059 ลบ. เหลือเพียง 1,404 ลบ.

แล้ว จะเอาอำนาจรัฐ ไปทำอะไร ? นโยบายพรรคเพื่อไทย จะให้ “ไทยเป็น Blockchain Hub และ Fintech Center” ไปสนับสนุน “อุ้ม” สิ่งที่ที่ปรึกษาฯลงทุนไปหรือ ? คิดแบบ “เอาประชาธิปไตยไทยไปทำธุรกิจ” แบบ ชินวัตร อีกหรือ ?

เป๋าตัง พิสูจน์ความสำเร็จ มีผู้ใช้แอ็ปเป๋าตัง กว่า 34 ล้านบัญชี ของภาคเอกชน ทรูมันนี่ วอลเล็ต 24 ล้านราย แรบบิท ไลน์เพย์ 8.2 ล้านราย และดอลฟิน 4 ล้านราย แต่เอ็กซ์สปริง ของแสนสิริ ของคุณเศรษฐา ระดมทุนไปกว่า 6,900 ล้านบาท แต่ยังไม่เห็นผลงาน ล่าสุด บนทุน >10,000 ลบ. ขาดทุน 171 ลบ. ! แล้วจะขออำนาจรัฐจากประชาชนเพื่อดูแลเรื่องนี้ ?!

ตัวอย่าง เอลซัลวาดอร์ กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ยอมรับบิตคอยน์ให้เป็นตั๋วเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ธุรกิจห้างร้านต่าง ๆ จะต้องยอมรับการชำระค่าใช้จ่ายด้วยเงินดิจิทัลนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2021 คาดกันว่า ประชาชนหลายล้านคน จะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัลแอปพลิเคชันใหม่ของรัฐบาลซึ่งมีการแจกบิตคอยน์ให้ประชาชนทุกคนคนละ 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตอนนั้น บิทคอยน์เหรียญละ 1.7 ล้านบาท แต่ปลายปี 2022 เหลือ 1/3 คือ เพียง  5.7 แสนบาท คนรับบิทคอยน์ไปแล้วต้องทำอย่างไร ? รัฐผู้แจกเหรียญ และ บังคับให้ร้านค้ารับเหรียญ จะต้องรับผิดชอบอย่างไร ? ประเทศพัฒนาแล้ว ไม่มีใครสนับสนุนการใช้เหรียญคริปโตแทนเงิน เพราะ หวือหวา เสี่ยงมาก โอนไม่โปร่งใส ใช้เวลานาน จีนก็ไม่สนับสนุน ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เดินได้ถูกทางโดยไม่สนับสนุน แล้ว เพื่อไทยจะทำเรื่องนี้เพื่ออะไร ? เพื่อใคร ? เพื่อไทยจะต้องรับเอาผู้ที่อาจมีวาระซ่อนเร้นในเรื่องนี้ ในเวลาหาเสียงอย่างนี้ทำไม ?

สมัยทักษิณ ทำนิติกรรมอำพราง ปลอมหนี้ แม่-ลูก 3 พันล้าน ซ่อนหุ้นชิน ให้ทักษิณเป็นนายกฯ ใช้อำนาจปฏิบัติ หรือ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เพิ่มมูลค่าหุ้นชินฯ และ ในที่สุด เอากิจการผูกขาดโทรคมนาคมไทย ไปขายกองทุนรัฐบาลสิงคโปร์

สมัยยิ่งลักษณ์ ผู้บริหารเอสซี นึกว่าไม่มีอะไร แต่ชูวิทย์เปิดเผยเรื่อง ทุนสีเทา ตู้ห่าว เข้ามาเมืองไทยทำธุรกิจสีเทา ในยุคยิ่งลักษณ์ไร้การเปิดโปง ต่อมา ได้มีการเปิดเผยว่า เป็นยุค จารุพงศ์ รมว. มหาดไทย ยุคยิ่งลักษณ์ ที่ให้สัญชาติกลุ่มทุนจีนสีเทานี้ เอสซีแอสเสทฯ กิจการของนายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ขายบ้านเกือบยกหมู่บ้านให้ เป็น “ธุรกิจการเมือง” ตามรอยพี่ชาย !

เศรษฐา-แสนสิริ-เอ็กซ์สปริง-เหรียญโทเค็น…ก็ดูจะเป็น “ธุรกิจการเมือง” และ พร้อมหักหลังทุกคน ในการคัดค้านรัฐบาลบิ๊กตู่ ปล่อยให้เด็กๆกลุ่มก้าวไกล ให้ก้าวร้าว สร้างความเกลียดชังในบ้านเมือง แต่ตลบหลังจะแจกเหรียญโทเคนให้ประชาชนอายุ 16 ขึ้นไป จะเอาฐานเสียงพรรคของพวกไปเป็นของตัวเองอย่าง ธุรกิจ ของ นักการเมือง

เศรษฐา-แสนสิริ-เอ็กซ์สปริง-เหรียญโทเค็นจะซ้ำรอย ยิ่งลักษณ์-เอสซี-ตู้ห่าว … ทักษิณ-ชินคอร์ปฯ รูปแบบ “ธุรกิจการเมือง” หรือไม่ ? ประชาชนไม่อยากเห็นพรรคอย่างนี้ กลับมาเอา “ประชาธิปไตยไปทำธุรกิจ” อีก มาร่วมกันส่งเสียงในการเลือกตั้งที่จะมาถึงดีไหม ?

คอลัมน์ไทยทน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ เผยครม.เห็นชอบงบประมาณ ปี 68 จำนวน 3.75 ล้านล้านบาท

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568

'เศรษฐา' เผยไต๋นั่งควบกลาโหม ทุกอย่างมีโอกาสขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในที่ประชุมได้มีรัฐมนตรีซักถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.หรือไม่ ว่า ไม่มีใครถามอะไรเลย ทุกคนยังทำงานอย่างต่อเนื่อง

'เศรษฐา' เตรียมต้อนรับนายกฯบังกลาเทศ เยือนไทยในฐานะแขกของรัฐบาล 24-29 เม.ย.นี้

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เชค ฮาซีนา นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 24 - 29 เมษายน 2567

รัฐบาลตีปี๊บ งานสงกรานต์ 67 เงินหมุนเวียน 2,800 ล้านบาท

นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง​ ให้สัมภาษณ์ถึงสถิติการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ดีขึ้นเยอะมาก โดยเฉพาะการจราจร ต้องขอบคุณ รมว.คมนาคม ตนเชื่อว่าได้ไปกำกับดูแลจริงๆ