แนะรัฐบาลไทยจ้างล็อบบี้ยิสต์แจง PETA เหตุไม่เลิกปล่อยข้อมูลใช้ลิงเก็บมะพร้าว

ผู้ผลิตกะทิแนะรัฐบาลไทยจ้างล็อบบี้ยิสต์ ชี้แจงทำความเข้าใจ PETA หลังยังไม่หยุดเผยแพร่ข้อมูลไทยใช้ลิงเก็บมะพร้าว หวั่นเสียตลาดกะทิให้คู่แข่ง เหตุจนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ อังกฤษ ยังแบนกะทิไทย ส่วนหลายประเทศในอียูลดการนำเข้า

14 มิ.ย. 2566 – ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์กะทิจากมะพร้าวของไทย ยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ และอังกฤษได้ หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา องค์กรพิทักษ์สัตว์ (PETA) ยังคงเผยแพร่ข้อมูลอุตสาหกรรมมะพร้าวและกะทิของไทย ยังบังคับใช้ลิงเก็บมะพร้าว ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์ และหนทางเดียวที่จะหยุดการบังคับใช้แรงงานลิงได้ คือ การหยุดซื้อกะทิจากไทย จนส่งผลให้ทั้งห้างสรรพสินค้า ห้างซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐ และอังกฤษ นำผลิตภัณฑ์กะทิของไทยออกจากชั้นวาง พร้อมกับขึ้นข้อความเตือนผู้บริโภคว่า “อย่าซื้อกะทิจากไทย” และบางห้างถึงกับระบุแบรนด์สินค้ากะทิของไทยด้วยซ้ำ ส่งผลต่อเนื่องให้ห้างซูเปอร์มาร์เก็ต และเครือข่ายหลายแห่งในอังกฤษ และหลายประเทศในยุโรป ยกเลิกนำเข้ากะทิไทยด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ล่าสุดยังพบว่าเว็บไซต์ peta.org.uk เผยแพร่ข่าวเมื่อเดือนมี.ค.2566 ระบุ HelloFresh บริษัทจัดจำหน่ายอาหารนานาชาติในอังกฤษ ยกเลิกขายกะทิจากไทย เช่นเดียวกับผู้จัดจำหน่ายอาหารรายใหญ่อื่น ๆ ของอังกฤษ และหลายประเทศในยุโรป

สำหรับการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลไทย ทูตพาณิชย์ของไทยในประเทศต่าง ๆ รวมถึงผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กะทิของไทย ได้ร่วมมือกันชี้แจงทำความเข้าใจกับคู่ค้า ผู้นำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ว่า ไทยไม่ได้ใช้ลิงเก็บมะพร้าวแล้ว เพราะปัจจุบัน ต้นมะพร้าวของไทยเป็นพันธุ์เตี้ย สามารถใช้เครื่องจักรเก็บได้ ที่สำคัญ การผลิตกะทิจำนวนมากในเชิงอุตสาหกรรม การใช้ลิงเก็บเป็นไปไม่ได้แน่นอน และยังทำคลิปเผยแพร่ขั้นตอนการผลิตกะทิของไทย และรัฐบาลได้ออกหนังสือรับรอง “Monkey Free Plus” ให้เอกชนแต่ละรายว่าไม่มีการทารุณกรรมสัตว์ในกระบวนการผลิต แต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ โดยยังคงมีการเผยแพร่ข้อมูลไทยยังใช้ลิงเก็บมะพร้าวอยู่

ทั้งนี้ หากยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้ผลิตเกรงว่า ไทยอาจเสียตลาดกะทิให้กับคู่แข่งอย่างฟิลิปปินส์ และศรีลังกา จากปัจจุบันที่กะทิของไทยมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% ในตลาดโลก ดังนั้น ภาคเอกชนจึงต้องการให้ภาครัฐเร่งหารือกับ PETA หรือจ้างล็อบบี้ยิสต์ทำความเข้าใจ เพื่อให้เปิดรับข้อมูล และเผยแพร่ข้อมูลตามที่ไทยชี้แจง เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจและหันกลับมาซื้อกะทิจากไทยเช่นเดิม

สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ระบุว่า ปี 2560-64 ไทยส่งออกสินค้ากะทิ เฉลี่ยปีละ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2562 มูลค่า 12,764 ล้านบาท , ปี 2563 มูลค่า 13,286 ล้านบาท และปี 2564 มูลค่า 13,328 ล้านบาท ขณะที่ไทยสามารถผลิตผลิตภัณฑ์มะพร้าวได้ปีละประมาณ 788,000 ตัน จากโรงงานแปรรูป 15 โรง โดยจำนวนนี้ เป็นกะทิ 113,000 ตัน ซึ่งสัดส่วน 70% บริโภคภายในประเทศ และที่เหลือเป็นการส่งออก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' ยกทีมจีนถกผู้ว่าฯ สิบสองปันนา เพิ่มตู้ส่งผลไม้ หนุนส่งออกโค

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมาปฎิบัติราชการที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 27-29 เมษายน 2567 โดยได้เข้าหารือกับนายตาว เหวิน

”ภูมิธรรม“ ประกาศสุดยอดข้าวหอมมะลิ และข้าวสารไทยแห่งปี หนุนเกษตรกรและโรงสีรักษาคุณภาพขั้นสูง ขยายตลาดทั่วโลก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (24 เมษายน 2567)

'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!

โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย

พาณิชย์ตรวจเข้ม จับตาผู้ประกอบการรับซื้อข้าวเปลือกอย่างใกล้ชิด

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่อธิบดีได้สั่งการให้ตรวจเข้มการรับซื้อสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย

ต่างชาติขนเงินลงทุนในไทย 3.5 หมื่นล้าน ญี่ปุ่นยังเป็นอันดับ 1

พาณิชย์โชว์ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทย 35,902 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 19,006 ล้านบาท ตามด้วย สิงคโปร์ 3,294 ล้านบาท และฝรั่งเศส 3,236 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 849 คน