'อมตะ' เตือนภัยอย่าหลงกลมิจฉาชีพทำเพจลวงลงทุน ยันดำเนินคดีถึงที่สุด

“อมตะ” ย้ำเตือนประชาชน หยุดโอนเงินเพื่อลงทุนในเพจปลอม หลังพบเพจมิจฉาชีพลวงให้ลงทุนในชื่ออมตะ ซึ่งกลับมาระบาดหนักในโลกโซเชียลโดยเฉพาะ Facebook เดินหน้าตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจประสานงานตำรวจ พร้อมเร่งดำเนินคดีตามกฎหมาย เอาโทษถึงที่สุด

28 มิ.ย. 2566 – นายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคนิควิศวกรรมและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ในประเทศไทย ของกลุ่มบริษัทอมตะ เปิดเผยว่า “ ขณะนี้ อมตะ ยังคงติดตามเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย กับกลุ่มมิจฉาชีพที่ล่าสุดกลับมาหลอกลวงผ่านระบบโซเซียลมีเดียโดยเฉพาะใน Facebook เป็นจำนวนมาก โดยเป็นการนำภาพผู้บริหาร โลโก้อมตะ แอบอ้างเป็นพนักงานอมตะ และปลอมแปลงเอกสารสำคัญต่างๆของอมตะ หลอกลวงชักชวนลงทุน ให้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้น และยังพบว่ามีการแพร่ระบาดในหลายๆองค์กรในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น ขอแจ้งเตือนประชาชนและนักลงทุนรายย่อยอีกครั้ง อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพชักชวนร่วมลงทุน เทรดหุ้น รับเงินปันผล ”

ปัจจุบันบริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อประสานงานตำรวจและเฝ้าติดตามกลุ่มมิจฉาชีพและผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าวหรือกลุ่มโจรไซเบอร์ พร้อมประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่กำลังจะคิดลงทุน อย่าหลงเชื่อการลงทุนดังกล่าว รวมทั้งเร่งติดตามกลุ่มมิจฉาชีพและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร็วที่สุด ดังนั้นหากยังพบผู้กระทำผิดหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะเข้าข่ายหลอกลวงเพื่อการลงทุนโดยการแอบอ้างชื่อ อมตะ บริษัทฯจะดำเนินคดีตามกฎหมายสูงสุดทันที

สำหรับรูปแบบการลงทุนที่กลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้าง คือ ลงทุน 1,000 บาท กำไร 500 บาท, ลงทุน 1,500 บาท กำไร 750 บาท, ลงทุน 2,000 บาท กำไร 1,000 บาท และ ลงทุนในรูปแบบหลากหลายที่ให้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้น แต่เมื่อถอนเงิน จะอ้างว่าต้องจ่ายภาษี โดยมีการปลอมเอกสารอมตะ และออกใบกำกับภาษีปลอม และในการถอนเงินดังกล่าวจะติดเงื่อนไขต้องต่อคิว แต่หากต้องการเงินด่วนสามารถแซงคิวโดยจ่ายค่าธรรมเนียมพิเศษ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวเป็นวิธีการของกลุ่มมิจฉาชีพแน่นอน และขอให้แจ้งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
ทั้งนี้ ประชาชน และนักลงทุน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 0610350007

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'มาดามแป้ง'แจ้งความ มิจฉาชีพใช้AI ทำคลิปชวนเล่นพนันออนไลน์

"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบอำนาจให้ทนายความ เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กรณีถูกผู้นำวีดีโอการแถลงข่าวของ "มาดามแป้ง" ไปตัดต่อ ดัดแปลง ปรากฎข้อความโฆษณาชวนเชื่อให้ลงทุน หรือ ชักชวนให้เล่นพนันออนไลน์ ซึ่งได้ยิง Ads ให้เกิดการเข้าถึงประชาชนจำนวนมาก 

ETDA ชี้ 8 เดือนแรกปี 68 ร้องเรียนออนไลน์พุ่ง 2.7 หมื่นราย

ETDA เผยสถิติร้องเรียนปัญหาออนไลน์ 8 เดือนพุ่งน์ 27,332 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 67 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 4,574 เรื่องหรือ 20.10% เผย ปัญหาซื้อขายออนไลน์-เว็บไซต์ผิดกฎหมาย ยังคงครองแชมป์ 98.03% พร้อมเร่งเครื่องปิดช่องโหว่มิจฉาชีพ ด้วย ‘กลไกร่วมกำกับภายใต้กฎหมาย DPS-สร้างคุ้มกันคนไทยรู้ทันภัยออนไลน์’

ผบช.ไซเบอร์ ถกสถาบันการเงิน เร่งปรับแนวทางปลดอายัด ลดความเดือดร้อนปชช.

จากความกังวลของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น ทาง บช.สอท. ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิด จึงได้หารือกับสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย

ดีอี เตือนภัย ‘โจรออนไลน์’ อ้างกรมการขนส่งฯ เปิดรับทำ ‘ใบขับขี่’ ระวังสูญเงิน

ดีอี เตือนภัย “โจรออนไลน์” อ้างกรมการขนส่งฯ เปิดรับทำ “ใบขับขี่” ผ่านเฟซบุ๊ก ระวังสูญเงิน – ข้อมูลส่วนบุคคล 14 ก.ย. 2568 - นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 5 – 11 กันยายน 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 998,983 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 807 ข้อความ สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 785 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 21 ข้อความ ช่องทาง Facebook จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 216 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 89 เรื่อง โดยในจำนวนนี้เป็นข่าวปลอมเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ อันดับที่ 1 : เรื่อง กรมการขนส่ง เปิดรับทำใบขับขี่ ต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านเพจ มนฤดี อันดับที่ 2 : เรื่อง OR เปิดขายหุ้นสามัญ ผ่านเพจ โออาร์ คาเฟ่ อาเมซอน ธุรกิจพันล้าน อันดับที่ 3 : เรื่อง OKJ เปิดโอกาสให้ลงทุนหุ้น เปิดให้ซื้อขายผ่าน SET อันดับที่ 4 : เรื่อง ธนาคารกรุงไทย ปล่อยสินเชื่อผ่านบัญชี TikTok ชื่อ opopookzr44 อันดับที่ 5 : เรื่อง กฟภ. เปิดให้บริการผ่านไลน์ PEA E-Servies อันดับที่ 6 : เรื่อง ธ.ออมสิน เปิดให้บริการสินเชื่อ ผ่านเพจ Lease it Thailand 99 อันดับที่ 7 : เรื่อง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเพจเฟซบุ๊ก SET online อันดับที่ 8 : เรื่อง กฟภ. เปิดบัญชีไลน์ใหม่ชื่อ PEN Connect อันดับที่ 9 : เรื่อง ธนาคารกรุงไทย เปิดให้บริการผ่านบัญชีไลน์ ฝ่ายบริการออนไลน์KTB อันดับที่ 10 : เรื่อง กฟภ. เปิดบัญชีไลน์ PEA Smart Plus ให้บริการประชาชน “เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวกับการให้บริการของหน่วยงานรัฐ และโครงการสินเชื่อของธนาคารรัฐ รวมทั้งการชักชวนลงทุนหุ้นในหน่วยงานและองค์กรที่น่าเชื่อถือ ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งตัวบุคคลที่เชื่อและแชร์ข้อมูลส่งต่อกันไปเป็นวงกว้าง ทำให้ประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้” นายเวทางค์ กล่าว สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “กรมการขนส่ง เปิดรับทำใบขับขี่ ต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านเพจ มนฤดี” กระทรวงดีอี ประสานงานร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูล โดยขอยืนยันว่า กรมการขนส่งฯ ไม่มีบริการรับทำใบขับขี่ผ่านช่องทางออนไลน์หรือสื่อโซเชียลใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่ง เพจ มนฤดี, เอกนุช, วรัสยา, มาราตรี เป็นการแอบอ้างสร้างเพจปลอมของมิจฉาชีพ เพื่อมาหลอกลวงประชาชน จึงขอประชาชนอย่าให้ข้อมูลหรือโอนเงินไป หากต้องการทำใบขับขี่หรือต่ออายุใบขับขี่ต้องมาดำเนินการที่กรมการขนส่งฯ เท่านั้น และหากประชาชนพบเห็นโพสต์ลักษณะนี้สามารถแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดมายังกรมการขนส่งทางบกได้โดยตรง หรือโทรสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้กระทรวงดีอี ขอเตือนประชาชนว่าการให้ข้อมูลหรือติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ที่ไม่ได้มาจากช่องทางอย่างเป็นทางการ อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูล หรือเงินในบัญชีธนาคารได้ อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด