
รัฐมนตรี ดีอี ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในห้างพารากอน สั่ง ทีม ดีอี ช่วยเรื่องการแจ้งเตือนภัยแบบเจาะจง
4 ต.ค. 2566 – นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์ในห้างพารากอนในวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และกล่าวว่า ได้รับข้อมูลว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ได้มีการแจ้งเตือน โดยใช้ วิธีส่ง SMS ถึงผู้เข้าอยู่ในพื้นที่สยามพารากอนบางคน ว่า “ขณะนี้เหตุการณ์ฉุกเฉินให้อพยพออกจากพื้นที่พารากอน” ซึ่งการแจ้งเตือนนี้ เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่พบว่า มีการแจ้งเตือนจากภาครัฐแบบเจาะจง ในเบื้องต้น ทีมงาน ได้ประสานกับ ทาง กสทช พบว่า อยู่ระหว่างการทำเรื่อง cell broadcast ที่ใช้เตือนภัยแบบเจาะจง จะมีการดำเนินการดังนี้
1.ทำ command center เพื่อให้ operators รู้ว่าต้องรับคำสั่งจากใคร ส่งอย่างไร ซึ่ง กสทช จะออก กฏ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
2. Update software ที่กระจายส่งสัญญาณ ให้ใช้ cell broadcast ได้
โดยเร็ว
นอกจากนี้ รัฐมนตรีประเสริฐ ได้สั่งการให้เร่ง ปิดกั้นเวบการซื้อขายอาวุธผิด กฎหมาย รวมทั้งเร่งประสาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อปราบปรามจับกุม ขยายผล ต่อ และขอเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องกับ การซื้อขายอาวุธออนไลน์อย่างผิดกฎหมาย ผิดกฎหมายหลายฉบับ และมีโทษหนัก ดังนี้
สำหรับ ผู้ซื้อและผู้ขายอาวุธ ออนไลน์ เข้าข่ายผิด กม. และ มีความผิด ดังนี้
1. ตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
– ผู้ซื้ออาวุธปืนออนไลน์ มีความผิดฐาน “ซื้ออาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 – 20,000 บาท
– ผู้ขายอาวุธปืนออนไลน์ มีความผิดฐาน “จำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000 – 40,000 บาท
2. การขายของออนไลน์ โดยนำเข้าข้อมูลเท็จ หลอกลวง มีความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ตาม มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ไม่เกิน 5 ปี ไม่เกิน 100,000 บาท
“ผมได้สั่งการให้ ทีม ติดตาม เรื่อง ระบบการแจ้งเตือนภัยแบบเจาะจง โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถ ติดต่อสื่อสาร ได้แบบเจาะจง รายบุคคล ให้ข้อมูลที่ทันเวลา เพื่อลดผลกระทบ ความสูญเสีญ ต่อประชาชน และที่สำคัญต้องทำให้ทันเวลา ครับ” รัฐมนตรีดีอี กล่าวในตอนท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประเสริฐ ลงพื้นที่ ครม.สัญจร เปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนหนองคาย
รมว.ดีอี และคณะ ลงพื้นที่หนองคาย เปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนตำบลโพธิ์ตาก หวังเป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในชุมชนอย่างแท้จริง ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสรรค์กิจกรรม เสริมทักษะดิจิทัล ส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นออนไลน์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในสังคมดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
กสทช. จับมือตำรวจ ขยายผลไล่ล่าเอาผิดผู้ถือครองซิมเอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
กสทช. ร่วมกับ ตำรวจ ขยายผลไล่ล่าเอาผิดผู้ถือครองซิมเอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขานรับนโยบายเร่งด่วนนายกเศรษฐาฯ
ดีอีลุยจัดการเด็ดขาด 'โจรขโมยข้อมูล' ขายข้อมูลคนไทย 30 ล้านคน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) กล่าวว่า ในช่วง ที่ผ่านมา มีปัญหาการหลุดรั่วของข้อมูลประชาชน
จับตาสภาองค์กรผู้บริโภค ถกต้านควบรวม AIS-3BB ลุ้นฟ้องศาลหรือไม่ฟ้อง
สภาองค์กรของผู้บริโภค ไม่เห็นด้วย ควบรวมธุรกิจเน็ตบ้าน AIS - 3BB ชี้ทำให้ลูกค้าอาจต้องจ่ายแพงขึ้นจากเดิมถึง 20% เชื่อ กสทช. ไม่สามารถดูแลประชาชนได้ เตรียมนัดหารือ 1 ธ.ค. วางท่าที ในการดำเนินการต่อเรื่องนี้
กสทช. จ่อออกประกาศคนที่มีซิมการ์ดเกิน 5 หมายเลขต้องไปยืนยันตัวตนผู้ครอบครอง
กสทช.จ่อออกประกาศจัดระเบียบซิมการ์ด คนที่มีเกิน 5 หมายเลข ให้ยืนยันตัวตนผู้ครอบครอง หลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาด-มิจฉาชีพใช้ซิมเพื่อหลอกลวงออนไลน์
สภาผู้บริโภคยืนยัน “กสทช.”ต้องยุติควบรวม AIS - 3BB หลังพบราคาเน็ตแพงขึ้นถึง 22%
สภาผู้บริโภคยืนยัน กสทช. ต้องยุติการดำเนินการควบรวมบริการอินเทอร์เน็ตระหว่าง AIS และ 3BB ชี้ทำให้ราคาแพงขึ้น 9.5% - 22.9% ลั่นหาก กสทช. ยังปฏิเสธอำนาจตนเองในการยับยั้งการควบรวมครั้งนี้ ขอให้ “กสทช.” ลาออกและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที