
ตลท.รับลูกนายกฯ ทำแผนพัฒนาตลาดทุน หวังสร้างความเชื่อมั่นดึง นักลงทุนเข้าไทย ยันเตรียมปรับตัว รองรับอุตสาหกรรมใหม่ พร้อมลุยเพิ่มเวลาซื้อขายระหว่างวัน ยันเชื่อว่า ค่าบาทอ่อน ยังเป็นโอกาสทำกำไรของต่างชาติ
5 ต.ค. 2566 – นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงการหารือร่วมกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถึงแผนการพัฒนาตลาดทุนไทยว่า มีการพูดถึงการเปลี่ยนวิธีการทำงานถึง 5 ประเด็นหลัก ประกอบไปด้วย 1. การปรับกระบวนการทำงาน การปรับเรื่องวิธีการให้ข้อมูล การจัดการกับซื้อขาย และสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัทจดทะเบียน ซึ่งทั้งหมดแม้ว่า จะมีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ ก็จะต้องไม่ทำให้กลายเป็นอุปสรรค ต่อการระดมทุนของภาคธุรกิจ ซึ่งในประเด็นนี้ จะต้องมีบริหารจัดการให้สมดุลกัน
ข้อที่ 2 การเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดทุน ซึ่งเชื่อว่า หากนักลงทุน และบริษัทจดทะเบียนมีข้อมูลที่มากขึ้น ก็จะช่วยทำให้ตลาดกลับมามีความคึกคัก
และข้อที่ 3 ทางตลาดหลักทรัพย์ จะต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อออกไปดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ต้องให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไร ให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่ทำให้เศรษฐกิจไทย โตได้ ซึ่งอันนี้ ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายธีมให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการเสนอในเรื่องของความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือเรื่องของ นิวเอสเคิร์ฟ (S-curve) ซึ่งต้องออกไปโรดโชว์สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ แล้วก็ให้เขากลับมาลงทุนในไทยมากขึ้น
และในส่วนที่ 4 การจะทำอย่างไร ที่จะทำให้นักลงทุนรายย่อย นักธุรกิจรายย่อย สามารถใช้ตลาดทุนไทย เป็นเครื่องมือในการระดมทุน และสามารถไปลงทุนต่อในต่างประเทศไทย
“นี่คือ เรื่องหลักๆ ที่ทางเราได้เรียนนำเสนอต่อท่านนายกฯและรัฐบาลว่า ตลาดหลักทรัพย์จะสนับสนุนเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร แล้วก็อีกอัน ได้รับนโยบายมาว่า จะทำอย่างไรให้ตลาดทุนไทย สามารถช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ๆอย่าง นิวเอสเคิร์ฟ (S-curve) ที่เป็น เรื่องของพลังงานหมุนเวียน เรื่องของอุตสาหกรรมอีวี และอะไรใหม่ๆ ที่จะให้มาระดมทุนในตลาดทุนของไทยได้ และอีกประเด็น ท่านนายก อยากให้ตลาดทุนไทยออกไปแอฟทีฟระดับภูมิภาค ซึ่งอันนี้เรามีนโยบายอันนี้อยู่แล้วว่า และ 5. จะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดการทำการจดทะเบียนข้ามตลาด (Cross Listing) จะทำยังไงให้มีบริษัทต่างประเทศเข้ามาระดมทุนในประเทศไทย เรื่องพวกนี้ คือ สิ่งที่ท่านนายกให้นโยบายกับเรามา “ นายภากร กล่าว
นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ยังเปิดเผยอีกว่า ตลท. ยังมีแนวคิดที่จะขยายเวลาการซื้อขายหุ้น ในระหว่างวันออกไป ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาถึงประโยชน์ที่ได้รับ จากการขยายเวลาในการซื้อขาย ซึ่งจะต้องไปรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งหมด โดยยอมรับว่า ในส่วนของ ตลท. นั้นไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะระบบถูกออกแบบให้สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว
“ กรณีขยายเวลาซื้อขายเพิ่มขึ้น จะเห็นว่า การซื้อขายตลาดหุ้นทั่วโลกมันเชื่อมโยงกันเช้าถึงเย็น ต้องดูว่า เราจะขยายช่วงไหน ช่วงเช้า ช่วงเที่ยง หรือ ช่วงย็น ซึ่งแต่ละช่วงมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันไป เราต้องดูว่า ที่เราขยายเวลาตรงไหน เราจะได้ประโยชน์สูงสุด” นายภากร กล่าว
ส่วนเรื่องของค่าเงินบาทที่อ่อนลง และมีเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลออกจากประเทศนั้น นายภากร กล่าวว่า จุดเปลี่ยนหลัก มาจากเรื่องของนโยบายดอกเบี้ยของสหรัฐ ที่ยืนยันว่า จะอยู่ในระดับสูงอีกนาน ดังนั้น เลยทำให้มีการโยกเงินจากสินทรัพย์หลายประเภท เข้าไปซื้อพันธบัตรของอเมริกาที่ได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งในอีกมุม หากไทยเราสามารถทำให้นักลงทุนต่างชาติ เห็นโอกาส เห็นว่าคุ้มกับความเสี่ยง ในช่วงบาทอ่อนได้ ก็เป็นไปได้ว่า จะมีนักลงทุน อาจจะกลับมาลงทุนในประเทศไทยได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
ป.ป.ช.รับเรื่องไต่สวน 'เศรษฐา' โยกงบใช้หนี้ 3.5 หมื่นล้านโปะแจกเงินหมื่น
นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะรักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึง
7 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเลื่อน! ให้ข้อมูลปมสแกมเมอร์ กมธ.ปปง.
'ปธ.กมธ. ปปง.' เผย 7 บริษัทเอกชนยื่นขอเลื่อนให้ข้อมูล คาดไม่เกิน 15 วัน เพราะเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่ ก.ล.ต.-ปปง. ร่วมขยายเส้นทางการเงินต่อ
เสาหลักตลาดการเงิน
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องอาศัยแหล่งเงินทุน สามเสาหลักของตลาดการเงินไทยประกอบด้วย ระบบธนาคารพาณิชย์ ตลาดหลักทรัพย์ และตลาดตราสารหนี้ ซึ่ง ณ วันที่ 19 กันยายน 2568 มูลค่าคงค้างในระบบธนาคาร ตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ คือ 18.4, 15.6, และ 17.7 ล้านล้านบาท ตามลำดับ
อิ๊งค์ชิลเที่ยวห้าง/พท.ย้ำรอด
"กลุ่ม 36 สว." ตอกฝาโลง "แพทองธาร" ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีให้ศาล รธน.


