รัฐบาลวางแผนดันไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปสุดท้ายของโลก

โรงงาน รถยนต์

‘เศรษฐา’ย้ำต้องบริหารจัดการน้ำรอบด้าน พร้อมตั้งเป้าให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปสุดท้ายของโลก ด้าน ส.อ.ท. เปิด 8 ข้อเสนอนายก เร่งสรุปแอคชั่นแพลนใน 1-2 สัปดาห์ ก่อนพัฒนาแผนทำงานร่วมกัน

8 ต.ค. 2566 – นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือและนำเสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า ส.อ.ท.ได้นำเสนอข้อเสนอแนะแก่นายกรัฐมนตรี ที่ประกอบด้วยข้อเสนอแนะ 8 ข้อหลัก จาก 70 ข้อ โดยมุ่งเน้นการพัฒนา 3 ด้าน คือ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน การขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ(จีดีพี) ให้เติบโตมากขึ้น และความยั่งยืน ทั้งเรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ BCG

“นายเศรษฐายังเน้นย้ำถึงปัญหาภัยแล้งที่จะหนักหน่วง โดยเฉพาะช่วง เม.ย. 2567 ต้องบริหารจัดการน้ำรอบด้าน การเพิ่มเขตการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ ให้ดูแลค่ายรถญี่ปุ่นที่ยังผลิตรถยนต์สันดาปภายใน หรือ ไอซีอี ในฐานะผู้มีพระคุณของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เพื่อเป็นฐานผลิตสุดท้ายของโลก หรือ ลาสต์แมนสแตนดิ้ง อีก 15 ปีข้างหน้า เพราะไทยเป็นซัพพลายหลักของโลก จ้างงานถึง 6 แสนคน”นายเกรียงไกร กล่าว

โดย 8 แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ได้แก่ การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อส่งเสริม อีสออฟดูอิ้งบิสซิเนสและเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.การพัฒนาบุคลากร เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานทั้งระบบ 3.การบริหารจัดการด้านพลังงานทั้งระบบรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน 4.การส่งเสริมการส่งออก การค้า และสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5.การยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม และดิจิทัล 6.การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรนํ้า และการมุ่งสู่เป้าหมายเน็ตซีโร่ 7.การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 8.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรม

โดย 8 แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ได้แก่ 1. การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อส่งเสริมและเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยกำหนดให้การปฏิรูปกฎหมายเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมกับบูรณาการในการออกกฎหมาย กฎระเบียบ และแนวทางปฏิบัติระหว่างหน่วยงานภาครัฐให้เกิดความชัดเจนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมศูนย์บริการและขอรับการช่วยเหลือจากภาครัฐ 2. การพัฒนาบุคลากร เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานทั้งระบบ โดยการปรับอัตราค่าจ้างขั้นตํ่าควรเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ค่าจ้างไตรภาคี พิจารณาสอดคล้องกับปัจจัยทางเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่ และเพิ่มผลิตภาพแรงงาน พัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน

3.การบริหารจัดการด้านพลังงานทั้งระบบรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เพื่อเร่งพิจารณาทบทวนแผนพลังงานชาติ (NEP) ฉบับใหม่ และลดภาระต้นทุนพลังงาน และค่าไฟฟ้า รวมถึงเร่งจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาพลังงาน (กรอ. พลังงาน 4. การส่งเสริมการส่งออก การค้า และสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเร่งสร้างกลไกและแผนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่มีศักยภาพ รวมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้มีความต่อเนื่องและครอบคลุม Ecosystem ของอุตสาหกรรม พร้อมกับเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA)

5.การยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล โดยสนับสนุนการลงทุนพัฒนาไปสู่ Digital Transformation 4.0 เพื่อยกระดับขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมการผลิต และขับเคลื่อนการสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม โดยออกมาตรการส่งเสริมภาคเอกชนให้เกิดการซื้อสินค้าในบัญชีนวัตกรรม เพื่อขยายตลาดเข้าสู่ตลาดภาคเอกชน 6. การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรนํ้า โดยบูรณาการการบริหารจัดการนํ้าอย่างยั่งยืน เตรียมความพร้อมในการรับมือมาตรการ Climate Change

7.การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และออกมาตรการการเงิน เสริมสภาพคล่อง เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่า , มาตรการค้าประกันสินเชื่อ , มาตรการพักดอกลดต้น เป็นต้น พร้อมปรับอัตราภาษีสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ และในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ลด 5% จากอัตราเดิม และ 8. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรม แก้ไขปัญหาความแออัด ณ บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง และเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขนส่งสินค้า พร้อมยกระดับด่านชายแดนเป็นจุดผ่านแดนถาวร นายเกรียงไกร

“จากการทำหนังสือยื่นเสนอนายเศรษฐา และประชุมร่วมกันนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ได้ขอให้ ส.อ.ท. ทำแอคชั่นแพลนเพื่อย่อยข้อเสนอทั้ง 8 ข้อ จากนั้นจะให้ทีมงานร่วมหารือกับ ส.อ.ท. ในแต่ละข้อเสนอเพื่อแก้ไขและผลักดันร่วมกันต่อไป โดยเราจะเร่งทำแผนให้เร็วที่สุดโดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ และต้องมีควาทกระชับ รอบคอบ โดยจะแบ่งเป็นแผนที่จะต้องทำในระยะ 3-6 เดือน แผนระยะกลางช่วง 1 ปี และแผนระยะยาวเพื่อให้เกิดความยั่งยืน นอกจากนี้ยังโอเคกับการขอฟื้นคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน หรือ กรอ. “นายเกรียงไกร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ลาราชการครึ่งวันพรุ่งนี้ ร่วมกิจกรรมพรรคเพื่อไทย แถลงผลงานรัฐบาล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ นายกฯได้ลาราชการในช่วงครึ่งวันเช้า โดยเวลา 10.00-12.00 น. นายกฯมีกำหนดการเดินทางไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย

'เศรษฐา' ควง 'อนุทิน-พัชรวาท-ชัชชาติ' ล่องเรือดูปรับปรุงภูมิทัศน์คลองเปรมประชากร

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ก.ตร. ไฟเขียวแต่งตั้ง 43 นายพลสีกากี 'สุรพงษ์ ชัยจันทร์' ผงาดที่ปรึกษาพิเศษตร.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานเพื่อประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 3/2567 โดยมีวาระการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ

นายกฯ เผย ก.ตร. มีมติส่งคำร้อง 'บิ๊กโจ๊ก' ให้ฝ่ายวินัยพิจารณาอีกรอบ ปมสั่งช่วยราชการ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2567 ว่า วันนี้วาระสำคัญของการประชุมนอกจากแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ยังมีเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร้องขอความเป็นธรรมทั้งหมด ทั้งที่มีต่อตนในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร.

นายกฯ มั่นใจคุณสมบัติ 'พิชิต' ถามกฤษฎีกาแล้ว อุบ 'มาริษ' แทน 'ปานปรีย์'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของ นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเตรียมร้อง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ