’สุรพงษ์‘ ใช้ยาแรงจี้ รฟท. เร่งปั้นรายได้ภายในปี 67

‘สุรพงษ์’สั่งการบ้าน รฟท. เร่งหารายได้ ชูจุดแข็งด้านการขนส่งสินค้าจากสัดส่วน 3% เพิ่มเป็น 30% ขีดเส้นภายในปี67 ดันทางคู่‘หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์’ชง ครม.ไฟเขียว พ.ย.นี้ หนุนขนส่งชายแดน ขู่ลุยตรวจงานทุก3 เดือน

12 ต.ค. 2566 -นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่าจากรายงานปัจจุบัน รฟท.มีหนี้สะสมประมาณ 2 แสนล้านบาท จึงได้มอบหมายให้ รฟท.หาวิธีดำเนินการเพิ่มรายได้ และลดรายจ่าย โดยตั้งเป้าภายในปีงบประมาณ 2567 ต้องมีการรายได้จากการดำเนินงานเป็นบวก หลังจากนั้นต้องเพิ่มขึ้นเป็นกำไร เพื่อหักกับมีหนี้สะสม ซึ่งจะต้องมีการอัพเดตผลดำเนินงานทุก 3 เดือน

สำหรับปัญหาผลประกอบการ รฟท.ที่ขาดทุน และมีหนี้สะสมจำนวนมาก ว่าแม้ธุรกิจของ รฟท.จะไม่มีคู่แข่ง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งแต่ขณะเดียวกันก็กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้การพัฒนาตัวเองช้า จึงได้สั่งการให้เพิ่มรายได้ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้า ซึ่ง รฟท. มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพียง 3% จากปริมาณการขนส่งทั้งประเทศ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายให้เพิ่มเป็น 30% หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 22,000 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะตั้งทีมการตลาด เพื่อดึงรัฐวิสาหกิจ และเอกชน เข้ามาร่วมดำเนินการต่อไป

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้ให้เป็นการบ้าน รฟท. ไปหาวิธีการทำอย่างไรเพื่อไปสู่เป้าหมาย ทั้งด้านสินค้าและผู้โดยสาร ซึ่งทุกวันนี้รฟท.ไม่มีฝ่ายการตลาด ไม่มีฝ่ายขายที่จะหาลูกค้าอย่างจริงจัง เป็นการให้ความสำคัญกับสายงานนี้มากขึ้น จึงต้องไปดูว่าจะหามืออาชีพมาช่วย ในฐานะรัฐมนตรี จะช่วยประสานกับหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ หรือนิคมอุตสาหกรรมที่มีความต้องการในการขนส่งสินค้ามากๆ คือจะช่วยเป็นเซลส์แมนประสานติดต่ออีกทาง

“ต้องยอมรับว่า รฟท. ไม่มีการปรับราคาค่าโดยสารตั้งแต่ปี 2538 ดังนั้นจึงให้ รฟท. ไปพิจารณาดูราคาค่าโดยสารให้สอดคล้องต้นทุนที่แท้จริง ในส่วนของบริการรถไฟเชิงพาณิชย์ ในชั้น 1 และ 2 ไม่รวมด้านบริการเชิงสังคมสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อกำหนดแผนได้ตรงกับความต้องการของตลาดผู้โดยสาร“นายสุรพงษ์ กล่าว

สำหรับโครงการสำคัญของ รฟท.ที่จะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น คือโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 สายหาดใหญ่-ปาดังเปซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 7,864 ล้านบาท มีความจำเป็นที่จะต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. พิจารณาในวันที่ 19 ต.ค. เพื่อสรุปและนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในเดือน พ.ย. 2566 เนื่องจากเป็นแนวเส้นทางที่จะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างชายแดน และเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 29,748 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 62,800 ล้านบาท ให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาภายใน พ.ย.นี้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่า รถไฟทางคู่ทั้ง 3 เส้นทางดังกล่าว จะเปิดประมูลได้ประมาณปี 2567

ทั้งนี้ในส่วนของโครงการระบบรถไฟชานเมืองส่วนต่อขยายสายสีแดง 3 เส้นทาง วงเงินรวม 21,754 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 14.8 กม. วงเงิน 10,670 ล้านบาท 2.ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 5.7 กม. วงเงิน 4,616 ล้านบาท และช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. วงเงิน 6,468 ล้านบาทนั้น คาดว่า จะเสนอไปยังที่ประชุม ครม.ได้ภายในปลายปี 2566 หรือไตรมาส 1/2567

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมช.คมนาคม ย้ำป้องกัน-ลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตนได้มอบนโยบายและเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์

‘รถไฟฟ้าสายสีแดง’ เพิ่มเวลาเปิดบริการช่วงเทศกาลสงกรานต์

‘รถไฟฟ้าสายสีแดง’ แจ้งขยับเวลาเปิดบริการช่วงเทศกาลสงกรานต์เร็วขึ้น จากตี 5 เป็น ตี 4 รวม 4วัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน เชื่อมต่อการเดินทาง พร้อมจัดมาตรการคุมเข้มความปลอดภัย

’สุรพงษ์’ สแกนความพร้อมหมอชิต 2 ก่อนส่งคนเดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์

‘สุรพงษ์’ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมสถานีขนส่งฯ หมอชิต2 สั่งจัดรถโดยสาร-เที่ยวเสริมเพียงพอ -เน้นย้ำความปลอดภัย-อำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย. 67

'เต้ ทวิวงศ์' โร่เคลียร์ดรามา! ค้านรถไฟความเร็วสูงอยุธยา

'เต้ ทวิวงศ์' โต้ดรามาค้าน 'รถไฟความเร็วสูง' ผ่านอยุธยา ยันบริสุทธิ์ใจ ขออย่ามัดมือชกชาวบ้าน บี้ 'สุริยะ-สุรพงษ์' แจง 5 ข้อ ลั่นโดนถอดพ้นมรดกโลกใครรับผิดชอบ

ดีเดย์ 1 ก.พ.นี้ ’สายสีชมพู’ เตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 30 สถานี

‘สุรพงษ์’ลงพื้นที่สแกนความพร้อมรถไฟฟ้า สายสีชมพู เตรียมเปิดให้บริการเดินรถเต็มรูปแบบ ครบ 30 สถานี เริ่มเก็บค่าโดยสาร 15 – 45 บาท ตั้งแต่ 1 ก.พ.นี้