‘บอร์ดอีวี’ ไฟเขียวมาตรการ EV 3.5 รัฐอุดหนุนสูงสุดคันละ  1 แสนบาท

บอร์ดอีวีไฟเขียวมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV3.5) ในช่วง 4 ปี (2567 – 2570) เดินหน้าสู่เป้าหมาย 30@30 ภายในปี 2573 ผลักดันไทยขึ้นแท่นฮับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของภูมิภาค และ 10 อันดับแรกของโลก เผยความสำเร็จโครงการระยะแรก ยอด 9 เดือน มีรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจดทะเบียนใหม่ เติบโต 7.6 เท่า สร้างการลงทุนกว่า 61,000 ล้านบาท

1 พ.ย. 2566 – นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เปิดเผยว่า บอร์ดอีวีชุดใหม่ซึ่งมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ให้ความสำคัญในการผลักดันให้ไทยเป็นฮับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ตามนโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าหมายการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมด ภายในปี 2573 คิดเป็นกำลังการผลิตรถยนต์ประมาณ 725,000 คัน และรถจักรยานยนต์ประมาณ 675,000 คัน

ทั้งนี้บอร์ดอีวีได้เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2567 – 2570) เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ และสนับสนุนให้เกิดการลงทุนที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการ EV3 สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการใหม่นี้เพิ่มเติมได้ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของแต่ละมาตรการด้วย

สำหรับมาตรการ EV 3.5 รัฐจะให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ ดังนี้

กรณีรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน  ระหว่าง 50,000 – 100,000 บาท/คัน สำหรับขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุนระหว่าง 20,000 – 50,000 บาท/คัน

กรณีรถกระบะไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 50,000 – 100,000 บาท/คัน  

กรณีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 150,000 บาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 5,000 – 10,000 บาท/คัน

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือร่วมกันเพื่อกำหนดอัตราเงินอุดหนุนที่เหมาะสมและจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

มาตรการ EV 3.5 จะมีการลดอากรนำเข้าไม่เกินร้อยละ 40 สำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป (CBU) ในช่วง 2 ปีแรก (พ.ศ. 2567 – 2568) กรณีเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และลดอัตราภาษีสรรพสามิตจากร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 2 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยได้ตั้งเงื่อนไขกระตุ้นการลงทุนในประเทศ ให้ผู้ได้รับการสนับสนุนผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าภายในปี 2569 ในอัตราส่วน 1 : 2 (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 2 คัน) และจะเพิ่มอัตราส่วนเป็น 1 : 3 ภายในปี 2570 พร้อมทั้งกำหนดให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปที่นำเข้า และผลิตในประเทศไทยจะต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานตามมาตรฐานสากลจากศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC)

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้กรมสรรพสามิตขยายเวลาการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV 3 จากเดิมที่ต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ให้ขยายเวลาเป็นต้องจำหน่ายภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 มกราคม 2567 เพื่อให้ผู้บริโภคที่จะตัดสินใจซื้อยานยนต์ไฟฟ้าภายในงาน Thailand International Motor Expo ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2566 ยื่นจดทะเบียนได้ทันภายในเดือนมกราคม 2567

สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะแรก หรือ EV 3 ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนฯ แล้ว รวมทั้งสิ้น 13 แบรนด์ จาก 15 บริษัท ทั้งในประเภทรถยนต์นั่งไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สร้างผลสำเร็จในการกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม – กันยายน 2566) มียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่จำนวน 50,340 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 7.6 เท่า และนับตั้งแต่มีการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2560 ได้ก่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า มูลค่ารวม 61,425 ล้านบาท จากโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ การผลิตชิ้นส่วนสำคัญ รวมถึงสถานีอัดประจุไฟฟ้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บีโอไอ' บุกจีนดึงผู้ผลิตแบตเตอรี่ลงทุนไทย

บีโอไอ จัดคณะโรดโชว์ประเทศจีน ดึงผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกเข้ามาลงทุนตั้งฐานผลิตแบตเตอรี่ต้นน้ำระดับเซลล์ในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดของประเทศ ตามนโยบายของบอร์ดอีวี

บอร์ดอีวีเคาะมาตรการหนุนใช้ 'รถบัส-รถบรรทุกอีวี'

บอร์ดอีวีเคาะมาตรการหนุนใช้รถบัส-รถบรรทุกอีวี พร้อมสร้างฐานแบตเตอรี่ ดันไทยเป็นศูนย์กลางอีวี ด้านนายกฯ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เป็นศูนย์กลางอีวีอาเซียน

‘พิมพ์ภัทรา’ สั่งเร่งหา ‘ลิเทียม’ ในไทยรองรับผลิตแบตเตอรี่รถอีวี

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม

ไทยผงาดกวาดตลาดอีวีเพิ่มขี้น 7 เท่ามากที่สุดในภูมิภาค ตั้งเป้าฐานผลิตท็อบเท็นของโลก

เลขาฯ บีโอไอ เผยตลาดอีวีไทยเพิ่มขึ้น 7 เท่ามากสุดในภูมิภาค ตั้งเป้า 4 ปี ดึงบริษัทชั้นนำไม่น้อยกว่า 100 แห่งลงทุนในไทย

บอร์ดอีวี เอาจริงอัดเงิน 2.4 หมื่นล้าน จัดแพ็กเกจอุดหนุนผลิตแบตเตอรี่

บอร์ดอีวี อัดเงิน 24,000 ล้านบาท เคาะแพคเกจส่งเสริมลงทุนผลิตแบตเตอรี่ ด้าน บีโอไอ จับมือก.ต่างประเทศ-ไจก้า เปิดอบรมพัฒนาหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนภูมิภาคอาเซียน-เอเชียใต้