
“สุริยะ”ยันคมนาคมพร้อมเดินหน้า”แลนด์บริดจ์” มั่นใจเกิดแน่ภายในรัฐบาลนี้ นักลงทุน“ดูไบ-อินเดีย”สนใจ เดือนหน้าพุ่งเป้าโรดโชว์บริษัทนักลงทุนที่จีนต่อ พร้อมเล็งตั้งกองทุนแลนด์บริดจ์ชดเชยประชาชนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ กรรมสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืน ประกาศแผนขับเคลื่อนคมนาคมเดินหน้าลดต้นทุนโลจิสติกส์
25 ม.ค. 2567 – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทยและอันดามัน หรือ แลนด์บริดจ์ และมั่นใจว่าโครงการจะเกิดขึ้นแน่นอนภายในรัฐบาลนี้ จากที่ก่อนนี้กระทรวงคมนาคมได้มีการโรดโชว์ทั้งในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น และสวิสเซอร์แลนด์ และพบว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากดูไบ หรือ ดูไบ เวิล์ดและนักลงทุนจาก อินเดีย ล่าสุดเดือนหน้าจะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศจีน โดยเป้าหมายการโรดโชว์หลังจากนี้จะเน้นบริษัทที่พร้อมเข้ามาลงทุนโดยตรง
ทั้งนี้ในการดำเนินการในโครงการภาพรวมจะมีมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งการลงทุนเอกชนจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ภาครัฐจะมีหน้าที่เพียงการเวนคืนที่ดินเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่ในหลายๆครั้ง ทางนายกรัฐมนตรีได้มีความกังวลว่า ในส่วนของพื้นที่ประชาชนที่อยู่อาศัย หรือ ทำกินแต่อยู่ในแนวเขตทางที่ต้องเวนคืน แต่ไม่มีเอกสารสิทธิกรรมสิทธิในที่ดิน ทางภาครัฐจะช่วยอย่างไรบ้างนั้น ในเรื่องนี้ทางกระทรวงคมนาคมจึงมีแนวคิดว่า หากประกาศเงื่อนไขเชิญชวนผู้ที่จะเข้ามาดำเนินการในโครงการ จะระบุให้ เอกชนที่ลงทุนจะต้องตั้งกองทุนแลนด์บริดจ์ เพื่อชดเชยประชาชนที่ไม่มีเอกสารกรรมสิทธิที่ดิน
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า การพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ จะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 68-83 โดยจะมีการคัดเลือกเอกชนในรูปแบบการประกวดราคานานาชาติ สัญญาเดียว มีระยะเวลาสัญญาในการบริหาร 50 ปี ซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาท่าเรือ 2 ฝั่ง, ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) และทางรถไฟ ในส่วนของกลุ่มนักลงทุนนั้น จะต้องมีการรวมกลุ่มกันของทั้งผู้ประกอบการเดินเรือ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการท่าเรือ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนักลงทุนด้านอุตสาหกรรม ซึ่งกฎหมายใหม่จะถูกร่างขึ้น เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการกำหนดสิทธิพิเศษให้กับนักลงทุน
ทั้งนี้ ภายใต้ระยะเวลาสัญญา 50 ปี จากการประเมิน พบว่า นักลงทุนจะได้รับผลประโยชน์ด้านการเงินไม่น้อยกว่า 10% โดยมีระยะเวลาคืนทุนที่ 24 ปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าว เป็นการประเมินจากรายได้จากการบริหารท่าเรือ และขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนมีการพัฒนาเพิ่มเติมจากการอุตสาหกรรม และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยนั้น จะช่วยสร้างผลประโยชน์ด้านการเงิน และระยะเวลาคืนทุน จะดีกว่าการประเมินข้างต้นอย่างแน่นอน
นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สิ่งสำคัญของโครงการแลนด์บริดจ์ คือ การเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติมาร่วมลงทุน โดยให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนรับสัญญาสัมปทาน 50 ปี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้เริ่มโรดโชว์ในต่างประเทศบ้างแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากนักลงทุนและสายการเดินเรือ ส่วนขั้นตอนดำเนินการหลังจากนี้ คาดว่าโรดโชว์จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2567
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นจะดำเนินการเสนอร่าง พ.ร.บ.เขตพิเศษภาคใต้ (SEC) ต่อสำนักงาน SEC ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 และดำเนินการออกประกาศเชิญชวนนักลงทุนภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2568 พร้อมเปิดประมูลได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2569 ส่วนการเวนคืนที่ดินจะดำเนินการได้ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2569 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2569 โดยจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2573
นายสุริยะ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) “ขับเคลื่อนนโยบายคมนาคมเพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ปี 2567 และปี 2568 วันที่ 24 ม.ค. 2567 ว่า กระทรวงคมนาคมได้นำนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ เช่น ด้านการค้า การลงทุน อุตสาหกรรม เป็นต้น โดยได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ไปพิจารณว่า จะดำเนินการอย่างไรให้ตอบโจทย์ดังกล่าว เพื่อยกระดับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีต้นทุนโลจิสติกส์อยู่ที่ 10.5% ต่อ GDP ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะลดต้นทุนโลจิสติกส์อยู่ที่ 9.5-9.8% ต่อ GDP ภายในระยะเวลา 5 ปี ดังเช่นในประเทศที่เจริญแล้ว มุ่งเน้นการขนส่งสินค้าทางรางเป็นหลัก โดยกระทรวงคมนาคม จึงมีแผนในการพัฒนารถไฟทางคู่ เชื่อมต่อกับการขนส่งสินค้าทางถนนโดยรถบรรทุก
ขณะเดียวกัน ยังได้มอบนโยบายให้จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 – 2568 ไปแปลงเป็นแผนปฏิบัติการ (Action Plan) เน้นย้ำการผลักดันนโยบาย Quick Win 2567 และ 2568 โครงการสำคัญของกระทรวงคมนาคม จำนวน 72 โครงการ โดยเฉพาะนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การบินของภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้โดยสาร พร้อมทั้งบูรณาการแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกับเส้นทางในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงกับจีนตอนใต้ (รถไฟไทย – สปป.ลาว – จีน) โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และเขตเศรษฐกิจพิเศษอื่นๆ อีกทั้งให้ความสำคัญกับโครงการแลนด์บริดจ์ เปิดประตูการค้าสองฝั่งสมุทรทางภาคใต้ รวมถึงได้เน้นย้ำด้านความปลอดภัย และบูรณาการในแต่ละหน่วยงานอย่างครอบคลุม ขณะที่การขนส่งทางน้ำนั้น ได้มอบหมายให้ดำเนินการ เพื่อรองรับด้านการขนส่ง และการท่องเที่ยวด้วย
…
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พท. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครล็อต 4 ยัน ธ.ค. ครบ 400 เขต ยังอุบแคนดิเดตนายกฯ
'เพื่อไทย' เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัคร สส. ล็อตใหม่เพิ่ม 11 คน นนทบุรีครบทุกเขต 'สมนึก' โผล่ให้กำลังใจ 'จุลพันธ์' ลั่นไม่มีพรรคไหนพร้อมเท่า พท. มั่นใจยังขายได้ ชื่อแคนดิเดตยังไม่ให้หลุดออกมา
เพื่อไทยจ่อเปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ ‘สุริยะ’ มาแน่ สะพัดอีก 2 จากตระกูลชิน
พรรคเพื่อไทยเผย เตรียมเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 รายชื่อ ล็อกแล้ว 1 คือ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค ขณะอีก 2 รายอยู่ระหว่างทาบทาม “ณัฐพงศ์ คุณา
พท. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเพิ่ม 31 เขต ส่ง 'อดีตเลขาฯปปส.' ชน 'ธรรมนัส'
'เพื่อไทย' เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. รอบ 3 อีก 31 เขต ส่ง 'อดีตเลขาฯ ป.ป.ส.' ชน ''ธรรมนัส' ส่วนคู่สมรส 'จักรภพ' ลง กทม. 'จุลพันธ์' มั่นใจได้ตั้งรัฐบาล
'หญิงหน่อย' ชี้เปรี้ยง! รีแบรนด์ พท. ต้องเลิกบริหารแบบครอบครัว
'อดีตปธ.ยุทธศาสตร์เพื่อไทย' ชี้ พท. ต้องเลิกบริหารแบบพรรคครอบครัว-บริษัทจำกัด ถึงจะรีแบรนด์ได้ มอง 'จุลพันธ์' มีโอกาสนั่งหัวหน้าคนใหม่ แต่ตัวจริงคือแคนดิเดตนายกฯ
มนต์ขลัง “ชินวัตร” เสื่อม “แพทองธาร” ยอมถอย สู้ศึกเลือกตั้ง
ท่ามกลางความร้อนแรงในทางการเมืองไทย เหล่าพรรคการเมืองต่างต้องเตรียมการเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหญ่ในอีก 4 เดือนข้างหน้า ทั้งวางกลยุทธ์ วางสรรพกำลังสู้ศึกเลือกตั้ง


