
“จุลพันธ์” ยืนยันเดินหน้าแจกประชาชนหัวละหมื่นบาทตามเดิม แจงเตรียมความพร้อมตอบคำถาม ป.ป.ช. เต็มสูบ รับโครงการดีเลย์กระทบแรงส่งเศรษฐกิจโตแผ่ว ระบุรัฐบาลมีอำนาจเต็มฟันธงเศรษฐกิจ “วิกฤต” หลังพบหนี้ครัวเรือน-หนี้ประชาชน-หนี้เอกชนบวมเป่ง
30 ม.ค.2567 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า โครงการ Digital Wallet ของรัฐบาลไม่ทันเดือน พ.ค. 2567 แน่นอน แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลาใหม่ที่ชัดเจนว่าจะเป็นเมื่อไหร่ แต่ส่วนตัวหวังว่าจะเลื่อนไปไม่นาน โดยระหว่างนี้ยังอยู่ระหว่างรอหนังสือจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงยังไม่ได้มีการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet อย่างเป็นทางการ แต่ก็มีการเตรียมพร้อมรับมือว่าข้อเสนอแนะชอง ป.ป.ช. จะออกมาเป็นอย่างไร เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมทั้งมองว่าหลังจากรัฐบาลได้รับเอกสารจาก ป.ป.ช. แล้ว ก็ควรจะถึงจุดจบที่รัฐบาลจะต้องมาตัดสินใจว่าจะเอาอย่าไร จะเดินหน้าโครงการในรูปแบบใด ถึงเวลานั้นมันควรต้องมีคำตอบแล้ว
“เอกสารของ ป.ป.ช. ที่หลุดออกมาก่อนหน้านั้น รัฐบาลก็ยังไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเอกสารจริงจะเป็นอย่างไร แต่ก็ถือว่าทำให้รัฐบาลได้เห็นโจทย์พอสมควรว่าข้อห่วงใยของ ป.ป.ช. ในแต่ละประเด็นคืออะไร เราก็มีหน้าที่ในการตอบคำถามในส่วนที่เราตอบได้ อะไรที่ตอบไม่ได้เราก็เตรียมการว่าเมื่อมาแล้วเราจะดำเนินการอย่างไรเพื่อที่จะให้ข้อห่วงใย ข้อเสนอแนะเหล่านั้น มันมีคำตอบในตัวของมัน ส่วนเรื่องที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการเปลี่ยนกรอบการกู้เงินจากการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เป็นการออก พรก. กู้เงินหรือไม่นั้น ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการพูดคุย ถ้าถามในข้อเท็จจริงไม่ว่าจะเป็นกลไกการกู้เงินแบบใดก็ตามที่อยู่ในอำนาจของรัฐบาล เรายังมีเครื่องมือนั้นอยู่เสมอ แต่ ณ ตอนนี้รัฐบาลยังไม่ได้มีการพูดคุยในส่วนนั้น” นายจุลพันธ์ กล่าว
โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีการปรับนโยบายหรือเงื่อนไขของโครงการอย่างแน่นอน แต่ในช่วงที่โครงการล่าช้าออกไปนั้น รัฐบาลมีกลไก หรือเครื่องมืออีกมากมายที่จะมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำแค่โครงการ Digital Wallet โดยโครงการดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลพยายามทำเพื่อพี่น้องประชาชนเท่านั้น โดยมาตรการที่รัฐบาลดูอยู่ มีทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการลงทุนและกระตุ้นการบริโภค แต่ยังไม่สามารถชี้แจงในรายละเอียดได้ รวมทั้งได้มีการเร่งด้านงบประมาณ ซึ่งเป็นอีกกลไกสำคัญ โดยจะพยายามให้จบในสภาก่อนเดือน เม.ย. 2567 รวมถึงอาจจะมีการเปิดให้มีการลงนามในสัญญา TOR ก่อนกรณีจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อเตรียมความพร้อมหากงบประมาณเรียบร้อย โครงการจะได้เดินหน้าต่อเนื่องได้ทันที
ส่วนระยะเวลาของโครงการ Digital Wallet ที่ล่าช้าออกไปนั้น แน่นอนว่าผลของมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการเติมเงินในลักษณะนี้ที่จะมีต่อระบบเศรษฐกิจก็จะต้องล่าช้าออกไปด้วย ตรงนี้เป็นเรื่องปกติทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเมื่อโครงการล่าช้าออกไป ผลกับเศรษฐกิจก็ล่าช้าออกไป ดังนั้นความคาดหวังกับผลของโครงการที่จะได้ในปี 2567 ต่อระบบเศรษฐกิจก็อาจจะลดน้อยลง ถือเป็นเรื่องธรรมดา
สำหรับกรณีที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ออกประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ขยายตัว 1.8% ไม่ใช่แค่จาก สศค. หน่วยงานเดียวเท่านั้น แต่เป็นตัวเลขที่ทุกหน่วยงานมีการคุยกัน ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่จะออกตัวเลขในเดือนหน้า แต่ก็เชื่อว่าตัวเลขจะไม่ดิ้นหนีไปกว่านี้ และคงไม่มีใครจะไปเปลี่ยนตัวเลขได้ เพราะตัวเลขนั้นเป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง และชี้ชัดได้ว่า ณ ขณะนี้เศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหา ส่วนปีหน้าที่ สศค. มองว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.8% นั้น ทราบว่าเป็นตัวเลขที่ยังไม่ได้รวมโครงการ Digital Wallet ของรัฐบาล
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า คำว่า “วิกฤต” นั้น ไม่มีใครเป็นคนกำหนดได้ หากถามว่าเศรษฐกิจวิกฤตหรือไม่ คงเป็นเรื่องปัจเจกษ์ของบุคคล หากถามคนนี้อาจจะบอกว่าใช่ แต่ถามอีกคนอาจจะบอกว่าไม่ใช่ แต่มองว่าเรื่องนี้รัฐบาลมีอำนาจตามกฎหมายรัฐธรรมนูญในการบริหารราชการ ดังนั้น ณ ขณะนี้หากรัฐบาลมองว่าเศรษฐกิจวิกฤตและถูกกรอบกฎหมายทั้งหมด รัฐบาลก็จะเดินหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนแค่นั้นเอง งานอื่นก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบ เช่น ป.ป.ช. ในการติดตามตรวจสอบ
ส่วนถ้า ป.ป.ช. จะมาอบกว่าโครงการ Digital Wallet คอร์รัปชัน ถามว่าตอบได้อย่างไร มันไม่ใช่ เพราะโครงการยังไม่ได้เริ่ม แต่ถ้าบอกว่า ป.ป.ช. เป็นห่วงในประเด็นใด อันนี้รัฐบาลพร้อมรับฟังและจะหาหนทางแก้ไข และแน่นอนว่าเมื่อโครงการเสร็จแล้วมีการดำเนินการตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ หากมีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้น ตรงนี้จึงจะเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ทั้งนี้ กรณีศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจประชาชน เรื่อง วิกฤติเศรษฐกิจกับการแจกเงิน Digital Wallet นั้น รัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็น เพราะถือว่าเป็นประชาชนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าตรงนี้จะเป็นตัวตัดสินว่ารัฐบาลควรจะเดินในทิศทางใด โดยในโพลที่ออกมาส่วนมากจะห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจว่าวิกฤตหรือไม่ แน่นอนว่าคนที่อยู่ระดับบนคงไม่รู้สึกเดือดร้อน แต่พี่น้องประชาชนระดับล่าง ณ นาทีนี้ก็เข้าขั้นแล้ว อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย
“สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับเป็นความถดถอยทางเศรษฐกิจแบบหนึ่งที่เกิดจากภาวะที่ภาระหนี้ภาคครัวเรือนสูง ภาระหนี้ประชาชนสูง และภาระหนี้ของภาคเอกชนก็สูง ถามว่าใครคิดในเรื่องการลงทุนบ้าง มันไม่มีใครที่มีความพร้อมจะไปคิดเรื่องการลงทุนอยู่แล้ว ถ้าเป็นประชาชนก็จะคิดแต่เรื่องการประทังชีวิต คิดในเรื่องการลดหนี้สิน ภาคเอกชนก็โฟกัสเรื่องการลดโครงสร้างหนี้ของตัวเอง ตรงนี้ทำให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจเป็นไปได้ยาก จึงได้เห็นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาโดยตลอด” นายจุลพันธ์ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พท. ตีปี๊บ! 'ยศชนัน' เรตติ้งพุ่ง นำทัพ กทม. สมัคร 27 ธ.ค.
'ประเสริฐ' เชื่อ 'ยศชนัน' ดึงคะแนนคนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครได้ เตรียมเปิดตัว สส. ทั้ง 500 คน 25 ธ.ค. เคลียร์ปม 'จาตุรนต์' ลาออกปธ.ยุทธศาสตร์
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' จับตาใช้สูตรปี66 จัดลำดับ
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์พท. แกนนำรุ่นใหญ่ ภูมิธรรม-สมศักดิ์-เสี่ยเพ้ง-สรวงศ์ ส่งลูก-หลังบ้าน-เครือญาติเข้าพรรค พวกย้ายพรรค-โยกสลับจากสอบตกเขตเพียบ จับตาอาจใช้สูตรเดิม เอาตัวเต็งรมต.ไว้ท้าย ลดแรงกระเพื่อม
จับตาสว.เคาะ2ป.ป.ช. ผุดกมธ.คุ้ยชีวิต2กกต.
จับตาสภาสูงโหวต 2 ป.ป.ช.ใหม่พุธนี้ วัดใจ สว.สีน้ำเงินให้ผ่านหรือตีตกสองบิ๊กตุลาการ
คดีค้างอื้อ! เบรกสว.สีน้ำเงินลงมติห็นชอบ ชี้ขัดกันแห่งผลประโยชน์
สว.อิสระค้าน พุธนี้สภาสูงลงมติเห็นชอบป.ป.ช.-ตั้งกมธ.สอบประวัติว่าที่กกต. ยกเหตุเพื่อป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หลังสว.เกินครึ่งมีเรื่องค้างที่ตึกป.ป.ช.-กกต.
สภาสูงโหวต ป.ป.ช.ใหม่ 2 ชื่อพุธนี้ วัดใจ 'สว.สีน้ำเงิน' ชี้รอดหรือร่วง
สภาสูงโหวต ป.ป.ช.ใหม่สองชื่อพุธนี้ วัดใจ สว.สีน้ำเงิน ให้ผ่านหรือตีตก สองบิ๊กตุลาการ พ่วงตั้งกมธ.สอบประวัติฯ ว่าที่กกต.ใหม่สองคน พบแบ็คกราวด์ไม่ธรรมดา แน่นปึ๊กสีน้ำเงิน
'จุลพันธ์' หารือ 'เทวัญ' นำลูกพรรคชาติพัฒนา ย้ายซบเพื่อไทย
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความพร้อมภาพถ่ายร่วมกับนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา โดยระบุว่า วันนี้ผมได้พบและหารือกับท่านเทวัญ ลิปตพัลลภ

