'อาคม' ปักธงเศรษฐกิจ 65 โต 4% อานิสงส์ส่งออก-ลงทุน-มาตรการรัฐหนุน

“อาคม” ปักธงเศรษฐกิจไทยปี 2565 โต 4% อานิสงส์ส่งออก-ลงทุน พ่วงมาตรการรัฐหนุนเต็มสูบ พร้อมเกาะติดโอมิครอน วอนประชาชนอย่าหย่อนยาน

27 ธ.ค. 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะมีแนวโน้มดีขึ้น และมั่นใจจะเติบโตได้ถึง 4% จากการส่งออกและการลงทุนที่ยังขยายตีวอย่างต่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ทั้งช้อปดีมีคืน และมาตรการคนละครึ่ง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆของภาครัฐ

ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้น ยังต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด โดยขอให้พี่น้องประชาชนยังคงสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างทางสังคมอยู่เสมอ โดยรัฐบาลอยากดูแลทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านสุขภาพ ดังนั้น ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน
“ในปีหน้าแม้การท่องเที่ยวจะยังไม่กลับมาเท่าปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน เพราะมันต้องใช้เวลา เราจึงต้องสร้างการเติบโตจากภายในประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจต่างจังหวัด หรือ ชายแดน ส่วนโอมิครอนยังต้องติดตาม เพราะยังไม่มีหลักฐานความรุนแรงที่แน่ชัด ซึ่งเราจะต้องฟังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แต่เราก็ไม่ผลีผลาม หรือหย่อนยานระเบียบวินัย และไม่โอเวอร์เอ็นจอยมากนัก ทุกคนต้องร่วมมือกัน” นายอาคม กล่าว

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะมุ่งสู่เศรษฐกิจฐานราก โดยจะมีสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐให้การสนับสนุน เช่น โครงการของธนาคารออมสิน ในโครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ที่เน้นย้ำว่าต้องช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ฐานราก มีงาน มีอาชีพ มีรายได้

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสิน ปรับภารกิจ ขยายผลให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ตกลงหรือขาดรายได้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งถือเป็นช่วงการฟื้นฟูและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยธนาคารได้จัดทำโครงการ ออมสิน สร้างงาน สร้างอาชีพ ภายใต้แนวคิด 4ให้ ได้แก่ ให้ทักษะ ให้เงินทุน ให้อุปกรณ์ และให้พื้นที่ค้าขาย ซึ่งถือเป็นการมอบความช่วยเหลือที่ยั่งยืน

สำหรับเป้าหมายเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ที่เดือดร้อน ได้ปรับตัวและมองเห็นโอกาสใหม่ในการประกอบอาชีพ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส สามารถใช้ความรู้ใหม่และทักษะทางอาชีพได้รับการถ่ายทอด เป็นทางเลือกและช่องทางต่อยอดในการประกอบอาชีพมากขึ้น
ภายใต้แนวคิด 4ให้ การให้ทักษะ โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา 18 แห่ง สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) มหาวิทยาลัยในโครงการยุวพัฒน์รักถิ่น 64 แห่ง กว่า 900 ชุมชน และเครือข่ายเฟชชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ รวมถึงเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ ในการช่วยฝึกอบรมและสร้างทักษะอาชีพแก่ประชาชนรวมกว่า 100 หลักสูตร

ด้านการให้เงินทุน ถือเป็นการเริ่มต้น Kick off การให้เงินทุนผ่านมาตรการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติวงเงินชดเชยความเสียหายจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 30% ของวงเงินสินเชื่อโครงการ เพื่อสนับสนุนผลักดันความสำเร็จของการมอบความช่วยเหลือในระยะแรกของโครงการ ซึ่งในอนาคตจะมีมาตรการสินเชื่ออื่นๆเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

โดยมาตรการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ วงเงินโครงการรวม 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหฃือผู้ผ่านการฝึกอบรมอาชีพ และประชาชนให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ อัตราดอกเบี้ย 3.99% นาน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก

ส่วนการให้อุปกรณ์ และให้พื้นที่ค้าขาย โดยร่วมมือจากกรุงเทพฯ และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้อุปกรณ์ มอบรถเข็น เต็นท์ ร่ม และพื้นที่ค้าขาย แก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ กว่า 3,300 ร้านค้า
รวมถึงการให้ใช้พื้นที่ของสาขาธนาคารออมสิน สำนักงานภาค หรือ สำนักงานเขต จัดเป็นตลาดนัดออมสิน เปิดโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการรายย่อย ตั้งแผนสินค้าขายสินค้าได้ และสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์สินค้า/ร้านค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ ภายใต้โครงการตลาดนัดออนไลน์​ช่องทาง คือ เพจเฟซบุ๊ก ตลาดนัดออมสิน เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กุนซือนายกฯ' กระทุ้งอีก! 'ธปท.' ต้องเร่งลดดอกเบี้ย

'พิชัย' ห่วงเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ หลังเงินเฟ้อติดลบ 5 เดือนซ้อนสวนทางโลก จี้ ธปท. หั่นดอกเบี้ยนโยบาย ลดช่วงห่างเงินกู้เงินฝาก ตามสภาพัฒน์ฯ แนะนำ