สัญญาณดี ส่งออกเดือนมกราคม 2567 ขยายตัว 10.0% สูงสุดในรอบ 19 เดือน

27 ก.พ. 2567 – มูลค่าส่งออกเดือน ม.ค. อยู่ที่ 22,649.9 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 10.0%YoY สูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2565 เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 4.7% และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ Krungthai COMPASS ที่ 11.1% โดยการส่งออกสินค้าทั้งหมวดอุตสาหกรรม รวมทั้งหมวดเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ต่างขยายตัว เมื่อหักทองคำแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนนี้ขยายตัว 8.6%YoY

ด้านการส่งออกรายสินค้าส่วนใหญ่ขยายตัว โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 10.3%YoY เร่งตัวจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 5.0%YoY เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (+106.3%) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+32.2%) อัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งไม่รวมทองคำ (+21.5%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (+7.6%) และผลิตภัณฑ์ยาง (+3.7%) เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (-10.5%) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด (-9.5%) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-4.7%) ตลอดจน เคมีภัณฑ์ (-1.6%) เป็นต้น

การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรกลับมาขยายตัว 9.2%YoY จากหดตัว -3.2%YoY เมื่อเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้าเกษตรพลิกมาเติบโต +14.0%YoY ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 3.8%YoY โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว (+45.9%) ผักกระป๋องและผักแปรรูป (+33.1%) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง (+30.1%) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (+23.3%) ยางพารา (+5.5%) และ ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป(+5.0%) เป็นต้น ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ (-58.8 %) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (-27.0%) และ น้ำตาลทราย (-16.2 %) เป็นต้น

สำหรับตลาดการส่งออกรายตลาดสำคัญ ได้แก่

สหรัฐฯ : เติบโต 13.7%YoY ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และอุปกรณ์ และ ยางยานพาหนะ เป็นต้น สำหรับสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น

จีน : ขยายตัวที่ 2.1%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพารา และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น

ญี่ปุ่น : กลับมาเติบโตได้ 1.0%YoY สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ขณะที่สินค้าสำคัญซึ่งหดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ เป็นต้น

EU27 : กลับมาขยายตัวที่ 4.5%YoY โดยสินค้าสำคัญที่เติบโต ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น

ASEAN-5 : ขยายตัว 18.1%YoY โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ข้าว และน้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เป็นต้น

การส่งออกไทยในเดือน ม.ค. 67 เติบโต 10.0% สูงสุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง บ่งชี้ถึงการกลับมามีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจ Krungthai COMPASS ประเมินว่า มูลค่าการส่งออกในปี 2567 มีโอกาสพลิกเติบโตเป็นบวกได้ มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยทยอยปรับตัวดีขึ้นและสามารถขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สอดคล้องกับประเทศในภูมิภาคเอเชียที่การส่งออกฟื้นตัวต่อเนื่อง การส่งออกล่าสุดในเดือน ม.ค. 2567 ของไต้หวัน และเกาหลีใต้ เติบโตเป็นเลขสองหลักและทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ปี 2565 โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับการส่งออกคอมพิวเตอร์ของไทยที่เติบโตถึง 32.2% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สะท้อนบทบาทของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคที่หนุนการฟื้นตัวของภาคการส่งออก รวมทั้งภาวะขาขึ้นของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลก นอกจากนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลกยังมีสัญญาณดีขึ้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของประเทศเศรษฐกิจหลักในเดือน ม.ค. 2567 ทยอยปรับตัวสู่แดนบวก โดยเฉพาะ PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯที่กลับมาขยายตัวได้และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2565 นอกจากนี้ การส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากการขยายตัวของการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งส่วนหนึ่งถูกนำมาใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก แม้กระนั้นก็ตาม การส่งออกยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายประการซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในระยะข้างหน้าได้ เช่น การรีเซ็ตเศรษฐกิจจากภาวะการเงินตึงตัวต่อที่อาจกระทบกำลังซื้อของประเทศคู่ค้า การรีเซ็ตเทรนด์โลกโดยเฉพาะความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยกระดับความรุนแรง และความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ หากทรัมป์กลับมาเป็น ปธน.อีกสมัย รวมทั้งสงครามการค้ารอบใหม่กับจีน อาจเป็นการรีเซ็ตเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจโลกใหม่ ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตาต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเดิมเดือนแรกของปี เงินเฟ้อติดลบ 1.11% พาณิชย์ย้ำยังไม่เจอเงินฝืด

เงินเฟ้อ ม.ค.67 ติดลบ 1.11% ลดลงต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน ต่ำสุดในรอบ 35 เดือน เหตุมาตรการรัฐลดน้ำมัน ค่าไฟ ผักสด เนื้อสัตว์ลง ราคาสินค้าอื่น ๆ ทรงตัว และฐานปีก่อนสูง ย้ำไม่มีสัญญาณเงินฝืด

'คลัง' โอดเศรษฐกิจ ธ.ค.66 ชะลอตัวกำลังซื้อทรุด

“คลัง” โอดเศรษฐกิจไทยเดือน ธ.ค. 2566 ชะลอตัว หลังดัชนีอุตสาหกรรมดิ่ง จากกำลังซื้อประชาชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ การบริโภค-ลงทุนเอกชนชะลอ ปลื้มส่งออกโต 4.7% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5

กรุงไทยคาดกนง .ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งปลายปี 66

Krungthai COMPASS ออกบทวิเคราะห์เรื่องอัตราดอกเบี้ยของไทย ในอนาคต หลังจาก กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี ในการประชุมครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาดังนี้

'กรุงไทย' ชี้ปี 66-67 ท่องเที่ยวคึกครื้นต่างชาติทะลุ 36.6 ล้านคน

“Krungthai COMPASS” ชี้ท่องเที่ยวฟื้นต่อเนื่อง ประเมินปี 2566 ต่างชาติแห่เข้าไทย 27.1 ล้านคน ปี 2567 เพิ่มเป็น 36.6 ล้านคน เคาะกลุ่ม GIFT+ น่าจับตามองจากศักยภาพด้านการใช้จ่าย และเป็นตลาดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตได้อีก แนะผู้ประกอบการศึกษาพฤติกรรม-วัฒนธรรมนักท่องเที่ยวกลุ่ม GIFT+ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจ