แนะลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กในสหรัฐ รับประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง

Krungthai CIO เปิดมุมมองการลงทุนเดือนเมษายน 2567 แนะลงทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในสหรัฐฯ เพราะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่   พร้อมมองตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าสนใจ จากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ  หนุนการเติบโตระยะยาว

9 เม.ย. 2567 – ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน  ธนาคารกรุงไทย  (Krungthai Chief Investment Office )   วิเคราะห์ตลาดและการลงทุน ประจำเดือนเมษายน 2567 โดยมองเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้จากการท่องเที่ยวและการส่งออก ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีทิศทางเป็นบวก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง ตัวเลขประมาณ GDP ไตรมาส 4/2023 ขยายตัวถึง 3.4% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ จากแรงหนุนของการใช้จ่ายของผู้บริโภคและรัฐบาล รวมทั้งการลงทุนของภาคธุรกิจ  ขณะที่ เงินเฟ้อขยายตัวชะลอลงตามที่ตลาดคาด ด้านเศรษฐกิจจีน กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมขยายตัวได้ดีที่ 10.2% แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มต้นปีได้อย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวอ่อนแอ หลังกิจกรรมการผลิตของยูโรโซนยังคงหดตัวต่อเนื่องในเดือนมีนาคม

ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวด้านนโยบายการเงินของประเทศหลักๆ ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แม้จะคงดอกเบี้ยตามคาด แต่มีการอัพเดทประมาณการ Dot Plot ที่สะท้อนการลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งเท่าเดิมในปีนี้ แต่จำนวนครั้งของการลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงกว่าเดิมในปี 2025 รวมทั้งปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีและเงินเฟ้อในปีนี้ ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 17 ปี ขณะที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% มองว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของประเทศหลักๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่คาดว่า อาจเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้

Krungthai CIO คงมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐ ที่จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ประกอบกับ Valuation ที่ไม่ตึงตัวเกินไป ทำให้การลงทุนมีความน่าสนใจกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย เริ่มเห็นหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กสหรัฐฯปรับตัวขึ้นโดดเด่นกว่าหุ้นขนาดใหญ่โดยรวม ขณะที่ กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และ Global REITs มีความน่าสนใจเมื่ออัตราดอกเบี้ยทยอยปรับตัวลง และเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งและไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย

นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาดหุ้นยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากตลาดมองว่าเป็นเพียงการปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติเท่านั้น (Policy Normalization)  และเมื่อมองไปข้างหน้าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายต่อไป อีกทั้ง ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีปัจจัยสนับสนุนในระยะยาว จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและค่าจ้างที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงการปฏิรูปบรรษัทภิบาลต่อนักลงทุนรายย่อย เกณฑ์ละเว้นภาษีจากการลงทุน NISA ที่สนับสนุนให้นักลงทุนรายย่อยแบ่งเงินออม 1 ล้านล้านเยน บางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้น

ด้านการลงทุนในตราสารหนี้ มองว่า Bond Yield มีโอกาสปรับตัวผันผวนในระยะสั้น จนกว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ยังเห็นโอกาสลงทุนในตราสารหนี้เอกชน โดยเฉพาะตราสารหนี้เอกชนในยุโรป ที่ราคายังไม่ตึงตัวเทียบกับตราสารหนี้เอกชนในสหรัฐฯ และด้วยเศรษฐกิจยุโรปที่ไม่ได้แข็งแกร่งเทียบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ ECB มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนเฟด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอป Pi Financial ลงทุนครบจบทุกหลักทรัพย์ รุกตลาดต่างประเทศ เทรดฟรี! หุ้นสหรัฐฯ ถึง 30 มิ.ย.นี้

Pi Financial แอปลงทุนครบวงจร จาก บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) (Pi Securities Public Company Limited) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Pi Financial Store ลงทุนง่าย

ผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกจีน ตอบรับลงทุนไทย คาดร่วมตั้งฐานผลิตมูลค่า 3 หมื่นล้าน

โฆษกรัฐบาล เผย ผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกจากจีนตอบรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนไทย คาดร่วมตั้งฐานการผลิตมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านในไทยภายในปี 2567