สหภาพ ธกส. ลุยถกคลังห่วงล่วง1.72แสนล. แจกหมื่นบาท ‘เศรษฐา’ วอนทุกฝ่ายหายห่วงพร้อมส่งดึงกฤษฎีกาตีความ

‘สหภาพ ธ.ก.ส.’ ลุยถก ‘จุลพันธ์’ กาง 5 ข้อกังวลหลังรัฐบาลจ่อล้วง 1.72 แสนล้านบาท อุ้ม Digital Wallet ด้าน ‘เศรษฐา’ วอนทุกฝ่ายหายห่วง พร้อมให้คำมั่นส่งเรื่องเข้ากฤษฎีกาตีความ เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย

22 เม.ย. 2567 – นายศุภชัย วงศ์เวคิน ประธานสหภาพแรงงาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยภายหลังเข้าพบเพื่อหารือกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กรณีที่รัฐบาลต้องการใช้สภาพคล่อง ธ.ก.ส. 1.72 แสนล้านบาท สำหรับรองรับโครงการ Digital Wallet ว่า วันนี้ (22 เม.ย.) ได้มาพูดคุยกับนายจุลพันธ์ เนื่องจากทางสหภาพแรงงาน ธ.ก.ส. มีความเป็นห่วงใน 5 เรื่องอย่างที่ทุกฝ่ายทราบกันดีอยู่แล้ว คือ 1. ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ 2. มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) รองรับหรือไม่ 3. สภาพคล่องส่วนเกินของ ธ.ก.ส. มีเพียงพอหรือไม่ 4. แผนการชำระคืนให้ ธ.ก.ส. เป็นอย่างไร และ 5. ผลตอบแทนที่ธนาคารจะได้รับเป็นอย่างไร เพราะเงินในส่วนนี้ธนาคารมีต้นทุนที่ต้องบริหารจัดการอยู่ด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของความกังวลว่าการดำเนินการในส่วนนี้จะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น ก่อนหน้านี้ทางสหภาพแรงงาน ธ.ก.ส. ได้มีการส่งหนังสือถึงกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่นายจุลพันธ์ ก็ได้ให้ความมั่นใจว่าก่อนจะดำเนินการทุกอย่างจะต้องทำให้ถูกกฎหมาย ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ระบุว่า เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายรัฐบาลพร้อมที่จะส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความ

“ในเรื่องของข้อกฎหมาย หากไม่ผ่านทุกอย่างก็จบอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้นายจุลพันธ์ยืนยันในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา 28 ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และเพื่อความสบายใจของทุกภาคส่วน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะนำเรื่องนี้เข้ากฤษฎีการเพื่อให้มีการตีความ ก็อยากให้รอความชัดเจนในส่วนนั้นก่อน” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ตามข้อเท็จจริงไม่อยากให้พูดว่ารัฐบาลยืมเงิน ธ.ก.ส. เพราะแท้จริงแล้วเป็นการใช้มาตรา 28 ซึ่งเป็นวิธีการงบประมาณ ซึ่งการดำเนินการในลักษณะนี้ ธ.ก.ส. เคยดำเนินการมาก่อน อาทิ โครงการไร่ละพัน เพราะตามหลักแล้วรัฐบาลกู้เงิน ธ.ก.ส. ไม่ได้อยู่แล้ว จึงอยากให้ทำความเข้าใจในส่วนนี้ก่อน และที่ผ่านมารัฐบาลก็ไม่ได้บอกว่าจะกู้เงิน ธ.ก.ส. เป็นการใช้วิธีการงบประมาณตามมาตรา 28 ส่วนท้ายที่สุดแล้วว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินการตามวิธีการงบประมาณดังกล่าวได้หรือไม่ ก็คงต้องรอความชัดเจนจากกฤษฎีกาอีกที

ส่วนเรื่องมติ ครม. นั้น ก็ต้องมีรองรับ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย เพื่อเป็นการยืนยันและปกป้อง ธ.ก.ส. ว่าสามารถดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวของรัฐบาลได้ ไม่ผิด สำหรับประเด็นกังวลเรื่องสภาพคล่องของ ธ.ก.ส. นั้น ต้องแยกเป็น 2 ส่วนคือ สภาพคล่องตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบัน ธ.ก.ส. มีอยู่ราว 2 แสนล้านบาท ซึ่งแข็งแกร่งและมีเพียงพอ และอีกส่วนคือสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคาร ที่จะต้องมาดูกันอีกที และเป็นเรื่องที่ ธ.ก.ส. เองจะต้องชี้แจง สหภาพแรงงาน ธ.ก.ส. คงไม่สามารถให้รายละเอียดได้

ขณะที่ความกังวลเรื่องแผนการชำระคืนนั้น อยากเห็นภาพที่ชัดเจนว่ารัฐบาลมีแผนการชำระคืน ธ.ก.ส. อย่างไร จะจ่ายคืนภายใน 3 ปี 5ปี 7 ปี หรือ 10 ปี อยากได้ความชัดเจนในส่วนนี้ โดยปัจจุบัน ธ.ก.ส. มียอดหนี้คงค้างตามมาตรา 28 อยู่ที่ราว 6.29 แสนล้านบาท ซึ่งทุกปี ธ.ก.ส. จะได้รับชำระคืนที่ราว 10-12% ของยอดหนี้คงค้าง หรือประมาณ 6-9 หมื่นล้านบาท ส่วนถามว่าโอกาสจะชำระคืนหนี้หมดหรือป่าวไม่แน่ใจ เพราะก็มีโครงการที่รัฐบาลมีการดำเนินการออกมาต่อเนื่อง แต่ ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐก็ต้องซัพพอร์ตโครงการของรัฐอยู่แล้ว ส่วนเรื่องผลตอบแทนยังไม่ได้มีการพูดคุยอย่างชัดเจน เบื้องต้นอยากให้มีความชัดเจนเรื่องของกฎหมายก่อน

“ทางสหภาพแรงงาน ธ.ก.ส. เป็นห่วง ใน 3 เรื่องหลัก ๆ คือ ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่, มีมติ ครม. รองรับหรือไม่ และสภาพคล่องส่วนเกินของ ธ.ก.ส. มีเพียงพอหรือไม่ แต่ที่ห่วงมากที่สุดเลยก็คงเป็นเรื่องความถูกต้องตามข้อกฎหมาย ซึ่ง รมช.การคลังยืนยันชัดเจนที่จะนำเรื่องนี้ส่งให้กฤษฎีกาตีความ ก็สร้างความมั่นใจและสบายใจให้อย่างมาก เพราะถ้าเข้าไปแล้วได้รับการยืนยันว่าถูกต้องก็ว่ากันไป ก็ต้องมาดูต่อว่ามีมติ ครม. ไหม มีสภาพคล่องไหม ทุกส่วนสำคัญหมด” ประธานสหภาพแรงงาน ธ.ก.ส. ระบุ

อย่างไรก็ดี ในส่วนของความเชื่อมั่นจากลูกค้าของ ธ.ก.ส. จากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะแห่ออกมาถอนเงินฝากนั้น นายศุภชัย ระบุว่า เท่าที่เช็คสถานการณ์ล่าสุด ภาพรวมขณะนี้ยังไม่มีการแห่ถอนเงินฝากออกแต่อย่างใด โดยยอมรับว่ามีความกังวลมากที่สุดคือวันที่ 17 เม.ย. ซึ่งเป็นวันทำงานวันแรกหลังจากหยุดเทศกาลสงกรานต์ แต่ทุกอย่างก็เป็นปกติ