
“อนุทิน-ศักดิ์สยาม” นั่งหัวโต๊ะ เร่ง ทอท.เพิ่มขีดความสามารถเทอร์มินอลสุวรรณภูมิ ไฟเขียวสร้างอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออก วงเงิน 8.7 พันล้าน คาดตอกเข็ม พ.ย. 65 แล้วเสร็จ-เปิดให้บริการ มี.ค. 68 รองรับผู้โดยสาร 65 ล้านคน
17 ม.ค.2565-นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ว่า ที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เร่งรัดการดำเนินการจ้างองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คณะกรรมการฯ ทอท. (บอร์ด) ได้มีข้อมูลมาประกอบการพิจารณาร่วมกับผลการศึกษาของ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(IATA)เพื่อพิจารณาแนวทางการทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้ ทอท. ดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ซึ่งมีความพร้อม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการไว้แล้ว ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน (Action Plan) ที่กำหนดไว้ ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะกลับมาในระดับประมาณ 65 ล้านคนต่อปี เท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 ได้ในปี 2568
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สำหรับความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) นั้น ที่ประชุมในวันนี้ ได้รับทราบการส่งมอบพื้นที่ของ บริษัท คิง พาวเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ซึ่งได้ส่งมอบพื้นที่บริเวณชั้น 2 Food Stop ที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออกให้ ทอท. เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2564
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการ ทอท. ในการประชุม ได้มีมติอนุมัติงบลงทุนผูกพันเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออกด้วยแล้ว เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2564 เนื่องจากส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออกได้รับอนุมัติจาก ครม. ไว้แล้ว ดังนั้น คาดว่าจะดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างปรับแบบใน ก.ค. 2565 และเริ่มก่อสร้างได้ใน พ.ย. 2565 ใช้ระยะเวลา 29 เดือน แล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ประมาณ มี.ค. 2568
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการประชุมในวันนี้ สืบเนื่องมาจากนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งได้มีการประชุมมาแล้ว 2 ครั้ง
อย่างไรก็ตามโดยตามมติที่ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2564 และครั้งที่ 2/2564 รวมทั้งการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ทอท. เร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) วงเงิน 7,830 ล้านบาทซึ่งมีความพร้อม และเร่งทบทวนแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) และ ICAO ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมแนวทางการพัฒนาในลักษณะ Revisit
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานของ ทอท. นอกจากเรื่องการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออกแล้ว ยังประกอบด้วยเรื่องความก้าวหน้าการดำเนินงานจ้าง ICAO เพื่อศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อจ้าง ICAO ซึ่งขณะนี้ ทอท. อยู่ระหว่างการประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาร่างข้อตกลง โดยเพื่อให้ ICAO ดำเนินการศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมกราคม 2565 และแล้วเสร็จใน ต.ค. 2565 โดย ทอท. ได้หารือกับกรมบัญชีกลางเพื่อให้การดำเนินงานของ ทอท. เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว
นอกจากนี้ ยังพิจารณาความก้าวหน้าผลการศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย IATA ซึ่งที่ประชุมรับทราบผลการศึกษาที่แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2564 สรุปว่า การคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะฟื้นกลับมาในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีผู้โดยสารปีละประมาณ 65 ล้านคน ในช่วงปี 2567-2568 ทั้งนี้ IATA ได้ประเมินทางเลือกในการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรักษาระดับการให้บริการของสิ่งอำนวยความสะดวกในอนาคตทั้งหมดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (Optimum) โดยเสนอให้พัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) เพื่อให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศและผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Mixed Concept)
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้ ทอท. ประสานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในการเตรียมพร้อมรองรับปริมาณผู้โดยสารที่ IATA คาดการณ์ไว้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางอันดับ 9 ของโลก โดยจะมีผู้โดยสารเข้ามาในไทยถึง 200 ล้านคน รวมถึงให้ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการขนส่งทางอากาศในกรณีที่มีการพัฒนารถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูงด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทอท.กางแผนเข้าบริหาร 3 สนามบินภูมิภาค
ทอท.เตรียมแผนเข้าบริหาร 3 สนามบินภูมิภาค ทย. “กระบี่-อุดรฯ-บุรีรัมย์” เร่งแก้ข้อสังเกตตามความเห็น กพท. พร้อมลุยขอใบอนุญาตสนามบินสาธารณะ คาดเสร็จภายใน 3-4 เดือนนี้ ก่อนชง ครม.ใหม่ ไฟเขียว
ทอท.ฟันธงธุรกิจการบินฟื้นตัวมั่นใจปี 67 มีกำไร
“กีรติ”เตรียมพร้อมสนามบินรับผู้โดยสารเดินทาง หลังอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวเดินทางในประเทศกลับมา100% ระหว่างประเทศ 70% มั่นใจปี 66 ไม่ขาดทุน ส่วนปี 67 รายได้กลับมาเติบโตและมีกำไร
'ทอท.' ผุดแผนใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยประหยัดค่าไฟ
“กีรติ” เดินหน้าตั้งเป้าสนามบิน 6 แห่ง ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 100% ภายใน 4 ปีนี้ เผยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์รับเทรนด์ของโลกช่วยประหยัดค่าไฟ พร้อมผุดแผนเปลี่ยนใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายใน 2 ปี
‘บิ๊กตู่’อ้อนอย่าทิ้งลูกข้าวนึ่ง!
"บิ๊กตู่" ลาราชการบินหาเสียงเมืองอุดรฯ ขึ้นเวทีเว้าอีสาน “สบายดีบ่ คิดฮอดหลายๆ เด้อ" ยืนยันเป็นลูกอีสานแท้ๆ
ศาล รธน. ไม่รับคำร้อง 'ปกรณ์วุฒิ' อดีต ส.ส.ก้าวไกล กล่าวหา 'ศักดิ์สยาม' ชงงบเอื้อบริษัท
ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดี ที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวม 47 คน (ผู้ร้อง) ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
รวบแก๊งมองโกเลีย ลักทรัพย์ชาวต่างชาติหลายราย ในสนามบินสุวรรณภูมิ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 มีนาคม 2566 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ต.อ.มิลิน เพียรช่าง ผกก.3 บก.ทท.1 พ.ต.อ. จักรพงศ์ นุชผดง