
‘คลัง’ เตรียมพร้อมโอนเงิน 10,000 บาท เฟส2 ให้คนแก่ 3.02 ล้านคน พร้อมลุยเฟส 3 ต่อทันที การันตี 15 ล้านคนได้รับเงินแน่ แจงเกาะติดนโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ แนะหาโอกาสให้กับประเทศไทย
22 ม.ค. 2568 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยถึงการเปิดให้ประชาชนตรวจสอบสิทธิโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ หรือ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส2 ให้กับผู้สูงอายุ ผ่านระบบพร้อมเพย์ ว่า ประชาชนสามารถเข้าไปเช็คสิทธิได้ตั้งแต่วันนี้ (22 ม.ค.) เป็นต้นไป ซึ่งมีประชาชนที่คาดว่าจะได้รับสิทธิ 3.02 ล้านคน และคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนกระบวนการโอนเงินจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ม.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าดำเนินการวันเดียวน่าจะแล้วเสร็จ
สำหรับขั้นตอนต่อไปผู้ที่ได้รับสิทธิ จะต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์ก่อนวันที่ 27 ม.ค. นี้ เนื่องจาก ระบบจะดำเนินการโอนเงินเข้าสู่บัญชีพร้อมเพย์ ในวันที่ 27 ม.ค. นี้ แต่หากไม่ทันหลังจากนั้นจะโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง (โดยจะโอนเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น) สำหรับผู้ที่ติดปัญหาการโอนไม่ผ่าน
“กระบวนการโอนเงินจะเริ่ม 27 ม.ค. นี้ ตั้งแต่เวลาเช้า โดยจะเสร็จสิ้นภายในวันเดียวเท่านั้น ทั้งนี้จะมีช่องทางโทร 1111 สำหรับการตรวจสอบว่า ไม่ผ่านคุณสมบัติด้วยเรื่องอะไร แต่จะไม่สามารถแก้ไขไม่ได้ หากไม่ผ่านเกณฑ์ อาจจะติดเรื่องรายได้ สินทรัพย์ในบัญชีเงินฝาก เป็นต้น สำหรับการโอนซ้ำ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดวัน”นายจุลพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่ามาตรการนี้จะเป็นแรงส่งที่ดีให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่โครงการเงิน 10,000 บาท เฟส 1 เม็ดเงิน 1.45 แสนล้านบาท โครงการไร่ละพัน และล่าสุด การแจกเงินให้กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเฟส 2 รวมถึงมาตรการ easy e-receipt ขณะที่ไตรมาส 2/2568 จะมีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตซึ่งจะเป็นเฟสที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะสามารถทดสอบระบบได้ในช่วงปลายเดือน ก.พ. นี้ โดยทั้งหมดจะเป็นการส่งโมเมนตัมในการหมุนเวียนให้กับระบบเศรษฐกิจ
“ในเฟสที่ 3 คาดว่าจะมีคนได้รับสิทธิประมาณ 15 ล้านคน โดยกลุ่มที่ไม่มีมือถือ จะมีการเปิดให้ลงทะเบียน และต้องมีการตรวจสอบบางอย่าง และต้องมากลไกในการพิสูจน์ว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยจะมีรายละเอียดต่อไป”นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากแถลงนโยบายแล้ว ว่า ล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเป็นประเทศใหญ่ และเป็นคู่ค้าของไทย โดยยืนยันว่า ประเด็นดังกล่าวไม่ได้เป็นปัญหาทั้งหมด สิ่งสำคัญ คือ ต้องมานั่งประเมิน และปรับตัว โดยการปรับตัวในยุคเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยจะต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ดึงให้เกิดประโยชน์ และทำให้เกิดโอกาสกับคนไทยให้มากที่สุด
“ไม่ได้มองด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้มองด้วยความระแวง หรือ ความกลัว แต่ต้องมองให้ลึก มองหาโอกาสให้กลับมาสำหรับประเทศไทย ส่วนกรณีที่เอกชนเสนอให้ตั้งวอร์รูมนั้น มองว่า ทุกกระทรวงทำอยู่แล้ว อาจไม่ถึงกับตั้งวอร์รูม แต่มีการประชุมหารือ และสศค.ได้ทำการประเมินเบื้องต้น หน่วยงานอื่นๆ ก็ต้องมานั่งประเมินว่า จะมีผลกระทบในมิติใดต่อหน้างานหรือไม่” รมช.การคลังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รถกระบะขนคนพิการ-ผู้สูงอายุ ชนท้ายรถบรรทุก เจ็บระนาว 12 ราย
รถกระบะขนคนพิการและสูงอายุจากสถาบันราชประชาสมาสัยชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ ระหว่างกลับจากรับของบริจาค ได้รับบาดเจ็บหลายราย ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนหาสาเหตุและจัดการเส้นทางจราจรที่ติดขัด