'เอ็กซิมแบงก์' เคาะส่งออกไทยปีนี้โต 3% ชี้ท่องเที่ยว-บริโภค-ลงทุน ช่วยหนุนเต็มสูบ

‘เอ็กซิมแบงก์’ เคาะส่งออกไทยปี 2568 โตที่ 3% ชี้ท่องเที่ยว ใช้จ่ายภาครัฐ บริโภค และลงทุน ยังหนุนเต็มสูบ ปักธงปล่อยสินเชื่อโต 7% เดินหน้าขับเคลื่อนส่งออกไทยสีเขียว

13 ก.พ. 2568 – นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะยังไปต่อได้ จากปัจจัยหนุน ได้แก่ การท่องเที่ยว การใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภค การลงทุน และการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2568 คาดว่าการส่งออกของไทย จะขยายตัวได้ถึง 3% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอานิสงส์คำสั่งซื้อสะสมเพื่อลดผลกระทบเรื่องต้นทุนจากปัญหาสงครามการค้ารอบใหม่ ที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีถึงช่วงไตรมาส 1/2568
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ สงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าตามนโยบายทรัมป์ 2.0 หนี้ครัวเรือนยังสูงถึง 89% และภาคการผลิตยังฟื้นตัวไม่ทันในปีที่ผ่านมา

“ปัจจัยส่งเสริมให้การส่งออกไทยปี 2568 ยังขยายตัวต่อได้ ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจโลกและนโยบายทรัมป์ 2.0 ได้แก่ การเร่งนำเข้าของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โอกาสส่งออกของไทยทดแทนสินค้าจีน อาทิ คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ แผงโซลาร์ โอกาสส่งออกสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก เช่น สินค้าเกษตรและอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ การย้ายฐานการผลิตจากต่างชาติเข้ามาในไทย เช่น ธุรกิจดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ไฟฟ้า การขยายตัวของตลาดใหม่ เช่น อินเดีย อาเซียน เป็นต้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่ สินค้าไทยอาจโดนมาตรการจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่เกินดุลกับสหรัฐฯ สูง เช่น คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ โทรศัพท์ เครื่องจักร หรือถูกบังคับให้นำเข้าเพิ่ม อาทิ สินค้าเกษตร น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ สินค้าไทยที่อยู่ใน Supply Chain จีนได้รับผลกระทบ และอาจต้องเผชิญการแข่งขันด้านราคากับสินค้าจีนที่ไหลทะลักเข้าสู่ไทยและตลาดโลก เป็นต้น รวมถึงค่าเงินที่ยังผันผวนสูงอย่างต่อเนื่อง” นายรักษ์ กล่าว
นายรักษ์ กล่าวอีกว่า ปี 2568 เอ็กซิมแบงก์ ตั้งเปาหมายการปล่อยสินเชื่อเติบโต 2.1-2.2 แสนล้านบาท เติบโต 7% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า โดยเกินครึ่งของพอร์ตสินเชื่อจะเป็นสินเชื่อสีเขียว ซึ่งธนาคารมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจไทยผ่านความเชี่ยวชาญและพันธมิตรสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) โดยจะเร่งขยายฐานลูกค้าผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งด้านการสนับสนุนการส่งออกและการลงทุน เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานส่งออกสีเขียว (Green Export Supply Chain)
โดยให้สิทธิประโยชน์และดอกเบี้ยพิเศษแก่ผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG นอกจากนี้ เอ็กซิมแบงก์ยังเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการระดมทุน ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้หรือตราสารทุน รวมถึงการเข้าซื้อกิจการการควบรวมกิจการ (M&A) เป็นต้น ปัจจุบันเอ็กซิมแบงก์ได้รับความเห็นชอบเป็นที่ปรึกษาทางการเงินจากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 2567 เป็นต้นมา โดยในอนาคตเอ็กซิมแบงก์จะให้บริการจัดจำหน่ายหุ้นกู้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ ซึ่งถือเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจร ช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกในการระดมทุนและจัดหาเงินทุนได้เพิ่มขึ้น
“ปัจจุบันเอ็กซิมแบงก์กำลังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ (จัดจำหน่ายตราสารหนี้)” นายรักษ์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน