'พิชัย' รับลูกนายกรัฐมนตรี เดินหน้าจัดการสินค้าและธุรกิจต่างประเทศ ฝ่าฝืนกฎหมาย

‘พิชัย’ รับลูกนายกรัฐมนตรีเดินหน้าจัดการสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ล่าสุดผนึกมหาดไทยตรวจสอบบริษัทต้องสงสัยเป็นนอมินี 46,918 ราย พร้อมโชว์ผลงาน ดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายแล้ว 57,739 คดี มูลค่าเสียหาย 2,287 ล้าน เก็บภาษีนำเข้าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ 1,875 ล้าน ลบสินค้าผิดกฎหมายจากออนไลน์ 14,976 รายการ ดำเนินคดีกับธุรกิจนอมินี 861 ราย มูลค่าเสียหาย 15,296 ล้านบาท และยังเพิ่มมาตรการคุมเข้มสินค้านำเข้าทะลัก

12 มิ.ย. 2568 – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ร่วมกับนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ มล.ภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ว่า การประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อผลักดันการขับเคลื่อนนโยบายของนายกรัฐมนตรีให้เกิดผลเป็นรูปธรรมใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การป้องกันการจดทะเบียนบริษัทนอมินี 2.การป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน 3.การป้องกันการสวมสิทธิ์แอบอ้างเป็นสินค้าไทย 4.การป้องกันโรงงานต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และ 5.การป้องกันการถ่ายลำสินค้า

ทั้งนี้ การปฏิบัติตามนโยบายในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ มีความคืบหน้าที่สำคัญ คือ การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย ผ่านการตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ระดับจังหวัด เพื่อตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน จับกุม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี โดยมีนิติบุคคลเป้าหมาย จำนวน 46,918 ราย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย 

ส่วนผลการทำงานตั้งแต่เดือน ก.ย.2567-พ.ค.2568 หน่วยงานภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ได้ดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายกว่า 57,739 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,287 ล้านบาท และเก็บภาษีนำเข้าสินค้าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ถึง 1,875 ล้านบาท และมีการใช้มาตรการ Notice and Takedown ลบสินค้าผิดกฎหมายจากออนไลน์กว่า 14,976 รายการ และดำเนินคดีกับธุรกิจนอมินี 861 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 15,296 ล้านบาท

นอกจากนี้ เพื่อรับมือกับการไหลทะลักของสินค้านำเข้าจากมาตรการภาษีของต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งลดระยะเวลาการไต่สวนมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้าให้เหลือไม่เกิน 1 ปี และจับมือภาคเอกชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาใช้มาตรการเซฟการ์ดป้องกันตลาดภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพด้วย“นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการจัดระเบียบสินค้านำเข้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมการค้าต่างประเทศ เร่งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมอบหมายงาน และรายงานผลต่อคณะกรรมการฯ โดยเร็ว และในต้นสัปดาห์หน้า ให้จัดประชุมคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนข้อสังการของนายกรัฐมนตรีให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป”นายพิชัยกล่าว

สำหรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ดำเนินการเร่งด่วน เช่น กรมการค้าต่างประเทศประสานสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ใช้กฎหมายกับอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม กรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบคุณภาพสินค้าในเขตฟรีโซน ประสานกรมประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลการดำเนินงานและสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้ประกอบการ พัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้า และปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการถ่ายลำสินค้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สุชาติ พร้อมเดินหน้ามาตรการคู่ขนาน ดันราคาลำไย ดูดซับผลผลิต ช่วยเกษตรกร”

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยวันนี้ (12 กรกฎาคม 2568) ว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวทางออนไลน์ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่าลำไยจังหวัดเชียงใหม่มีราคาตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 1 บาทนั้น ข้อเท็จจริงราคาดังกล่าวเป็นเพียงราคาลำไยเกรด C ซึ่งเป็นลำไยรูดร่วง