
'พลภูมิ บี้รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตดีเซล แก้ปัญหาน้ำมันแพง โวสมัย 'เพื่อไทย' แทบไม่ได้เก็บ ชี้ทำไม่ได้ควรยุบสภา
09 ก.พ.2565 - นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังประสบกับภาวะวิกฤตหลายด้าน ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน จากการลงพื้นที่ ได้รับเสียงสะท้อนเกี่ยวกับปัญหาปากท้อง ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กินระยะเวลามากว่า 2 ปี ยังไม่มีทีท่าว่าวิกฤตนี้จะจบลง เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาอยู่ที่หลักหมื่นอีกครั้ง ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างสาหัสแล้ว ยังต้องมาเจอปัญหาซ้ำเติมในเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ปัจจุบันราคาอยู่ที่สูงกว่า 92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้วและยังมีแนวโน้มจะแพงขึ้นไปอีก ซึ่งประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบถึง 85% ของน้ำมันที่ใช้ทั้งหมด โดยนำมาใช้กลั่นทำน้ำมันดีเซลถึง 60% ของการใช้น้ำมันทั้งหมด เพื่อใช้ในการขนส่งและทางการเกษตร
“เมื่อน้ำมันแพง ก็ย่อมส่งผลกระทบทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคและการบริการ มีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ประชาชนเดือดร้อนหนักเข้าไปอีก ทำให้สินค้าแพงและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น จนได้ชื่อว่า แพงทั้งแผ่นดิน รัฐบาลควรจะออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยข้อเสนอที่จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงได้ และเป็นส่วนที่อยู่ในการดูแลของรัฐ คือ การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่รัฐบาลเก็บถึงลิตรละ 5.99 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอีกรวมเป็นลิตรละ 6.41 บาท”
นายพลภูมิกล่าวว่า ในอดีตในสมัยรัฐบาลพรรค พท.แทบไม่ได้เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลนี้เลย โดยเก็บเพียงลิตรละ 0.005 บาท หรือ ครึ่งสตางค์เท่านั้น การลดการเก็บภาษีสรรพากรน้ำมันดีเซลจะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงได้ทันที โดยไม่ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันที่มีสถานะติดลบไปแล้วกว่า 14,000 ล้านบาท มาอุดหนุนราคาแต่อย่างใด และให้กำหนดราคาน้ำมันที่โรงกลั่นตามต้นทุนที่แท้จริงเท่ากับราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ โดยต้องไม่มีค่าขนส่งซึ่งเป็นการเอาเปรียบประชาชน อีกทั้งปรับลดราคาส่วนผสมของพืชพลังงานทั้งราคาเอทานอลที่ผสมในแก๊สโซฮอล์ และ ราคาน้ำมันปาล์มที่ผสมในไบโอดีเซล อย่าให้สูงเกินไปมาก และเมื่อราคาน้ำมันลดลง ราคาสินค้าต่างๆ ก็จะปรับตัวลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นการลดค่าครองชีพของประชาชน นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องควบคุมราคาสินค้าให้ได้ผล ก่อนที่ประชาชนจะเดือดร้อนกันมากกว่านี้
“ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ ประเทศไทยต้องการรัฐบาลที่มีความรู้ความสามารถเข้าใจความลำบากของประชาชนเข้ามาบริหารจัดการ หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ มัวแต่จะยุ่งกับความขัดแย้งภายในพรรคตัวเองหรือขัดแย้งในพรรคร่วมจนไม่ได้สนใจความทุกข์ยากของประชาชนก็ควรจะยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ได้แล้ว”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไข่ไก่แพงขึ้น! ผู้ค้าบางร้านที่พิษณุโลก ยังตรึงราคาช่วยลูกค้า ก่อนปรับขึ้นพรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ราคาจำหน่ายไข่ไก่ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ หลังจากมีประกาศปรับราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มขึ้นฟองละ 20 สตางค์ หรือแผงละ 6 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา
'อาต่าย' ปรี๊ด! ขยะสังคม สั่งตร.พบผู้เสียหาย เร่งฟันอาญา 'บีเอ็มกร่าง'
'ผบ.ตร.' ไม่ปลื้ม 'บีเอ็มกร่าง' เรียก 'อาต่าย' ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารญาณเลือกตั้ง
เลิกสนิท 'ลูกนายกเบี้ยว' อ้าง 'ทักษิณ-อิ๊งค์' แค่ร่วมงานตามคำเชิญ
'อ้วน' ขอแยกแยะปม 'พีช' ลูกชายนายกเบี้ยว อ้าง 'ทักษิณ-อิ๊งค์' ร่วมงานตามที่ถูกเชิญปกติ อย่าจับแพะชนแกะเป็นสัมพันธ์พิเศษ ปัดอุ้มคดีเหตุมีความผิดต่อหน้าธารกำนัล
จับตา! 'นายกฯอิ๊งค์' ส่อประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊ง : ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
'เท้ง' ชี้กาสิโนจะเดินหน้าได้ ต้องชัดเจนเรื่องมาตรการป้องกันฟอกเงิน-ทุจริต
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วุฒิสภาตั้งคณะทำงานศึกษาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)
‘พิชิต’ ชี้พรรคอนุรักษนิยมแตกแถว พรรคลุงป้อมมาแรง
แกนนำ คปท. ชี้ชัดหลังปรับ ครม. รัฐบาลอาจไปต่อได้ แต่ไม่ถึงเทอม ซัดพรรคร่วมที่เคยต้าน “ระบอบทักษิณ” สูญเสียจุดยืนเอง ด้าน พรรคพลังลุงป้อม กลับน่าจับตา มาแรงในกลุ่มสายอนุรักษนิยม ชี้ “ศัตรูไม่ได้เก่ง แต่ตัวเองรบไม่เป็น”