กนอ. จับมือ ส.อ.ท. เดินหน้ายกระดับการลงทุนอุตฯเป้าหมาย

กนอ.จับมือ ส.อ.ท.ประกาศความร่วมมือภาคีรัฐและเอกชน ยกระดับและเร่งรัดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย วางเป้านำพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและนวัตกรรมของภูมิภาค พร้อมกับการเติบโตที่สมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

10 ก.ย. 2568 – นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)  เปิดเผยว่า ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU)กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อยกระดับและเร่งรัดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยทั้งสององค์กรที่มีศักยภาพแตกต่างกัน กนอ. มีความพร้อมด้านพื้นที่ โครงสร้างพื้นฐาน และการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน  ขณะที่ ส.อ.ท. เป็นตัวแทนภาคอุตสาหกรรมที่ใกล้ชิดและมีความเข้าใจในความต้องการของผู้ประกอบการ ดังนั้นความร่วมมือภายใต้นโยบาย NOW Thailand ของ กนอ. และนโยบาย One FTI ของ ส.อ.ท. จะทำให้เกิดพลังเสริมที่สามารถผลักดันการลงทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดเป็นนโยบายและมาตรการที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยให้เป็น New Growth Engine ของประเทศ และนำไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจไทยโดยรวม

ขณะเดียวกันความร่วมมือนี้ยังเป็นเวทีสู่การพัฒนานวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่ม และเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)  โดย กนอ.มุ่งขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมสู่การเป็น ‘Smart Industrial Estate’ ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็ง

‘ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยการเกื้อหนุนศักยภาพระหว่าง กนอ. และ ส.อ.ท. จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมเป้าหมายเติบโตอย่างมั่นคง และนำพาประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและนวัตกรรมของภูมิภาค พร้อมกับการเติบโตที่สมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม’ นายสุเมธ กล่าว

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ก็มีโอกาสสำคัญจากการไหลเข้าของเงินลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม S-Curve และ New S-Curve ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่า มูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนแรกปี 2568 สูงถึง 1.058 ล้านล้านบาท เติบโต 138% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

‘การที่นักลงทุนจะตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตนั้น ต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นทำเลยุทธศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับเทคโนโลยีขั้นสูง พื้นที่ใกล้กับแหล่งวัตถุดิบ ตลาด และท่าเรือเพื่อความพร้อมสำหรับการส่งออก ซึ่งทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นว่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม คือ หัวใจสำคัญในการดึงดูดการลงทุน ‘นายเกรียงไกร

ทั้งนี้ พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดการลงทุน เนื่องจากมีความพร้อมทั้งด้านทำเล โครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศการผลิต (Ecosystem) ที่เอื้อต่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แบตเตอรี่ Data Center เกษตรและชีวภาพขั้นสูง รวมถึง Climate Tech ด้วยเหตุนี้ ส.อ.ท.จึงมุ่งผลักดันให้เกิดการยกระดับอุตสาหกรรมจากอุตสาหกรรมเดิม (First Industries) สู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next-Gen Industries) ซึ่งประกอบไปด้วย S-Curve & New S-Curve  รวมทั้ง BCG และ Climate Change ซึ่งเป็นนโยบายที่ไปในทิศทางเดียวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมของโลก และนโยบายของภาครัฐ

‘ส.อ.ท. พร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับ กนอ. ทั้งเรื่องการประสานงานกับสมาชิกส.อ.ท. เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม การรวบรวมความเห็นจากภาคเอกชนเพื่อร่วมพัฒนากฎระเบียบให้เอื้อต่อการทำธุรกิจ รวมทั้งการส่งเสริมให้สมาชิกใช้บริการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จครบวงจร หรือ One Stop Service ของ กนอ. และที่สำคัญที่สุด คือ การผลักดันมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุน และผลักดันอุตสาหกรรมไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ‘นายเกรียงไกร กล่าว

สำหรับขอบข่ายความร่วมมือหลัก 4 ด้าน ภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ประกอบด้วย 1.การเร่งรัดการลงทุน ด้วยการร่วมกันจัดทำแนวทางและแผนสร้างแรงจูงใจ เพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตและปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม 2.ความร่วมมือทางวิชาการและข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อมูลภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เพื่อใช้กำหนดนโยบายและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน  3.การพัฒนากฎหมายและกฎระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดย กนอ. จะสนับสนุนการใช้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service) และ “ทางด่วน” การลงทุน (Investment Fast Track) และ 4.การส่งเสริมความยั่งยืน ด้วยการร่วมกันยกระดับผู้ประกอบการด้วยมาตรฐาน “โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory)” ตั้งแต่การพัฒนาเกณฑ์มาตรฐาน การให้การรับรอง การพัฒนาบุคลากร ไปจนถึงการมอบสิทธิประโยชน์และจัดพิธีมอบรางวัล

เพิ่มเพื่อน