
นักวิชาการธรรมศาสตร์ หนุนรัฐเร่งปิดดีล FTA กระจายตลาดลดพึ่งพาสหรัฐฯ ชี้ดีลไทย–แคนาดามีช่องว่างโต แต่ต้องกันซ้ำกับเงื่อนไขอาเซียน พร้อมชวนมองโอกาสใหม่จาก UAE ส่วน “คนละครึ่งพลัสเฟส 2” ช่วยได้แค่สั้น ๆ ระยะยาวต้องดันท่องเที่ยวดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา
23 พฤศจิกายน 2568 – รศ. ดร.จุฑาทิพย์ จงวนิชย์ อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนา (ICDS) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า การกระจายตลาดใหม่ๆ ผ่านการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ เพื่อลดการพึ่งพาทางการค้าจากสหรัฐอเมริกามากเกินไป ถือเป็นทิศทางที่ดีต่อภาพรวมการส่งออกไทย ซึ่งนับตั้งแต่มีสงครามทางการค้า พบว่าประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นถึง 18% ส่วนตัวจึงเห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ ที่เดินหน้าปิดดีล FTA ไทย-แคนาดา, ไทย-อียู และไทย-เกาหลีใต้
นอกจากนี้ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) ก็ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามอง เพราะ UAE มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่เติบโตได้ค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี และการนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาเรื่องอุตสาหกรรมด้านอาหาร UAE ส่วนตัวคิดว่าเป็นโอกาสของไทยที่จะเข้าไปร่วมทำข้อตกลงทางการค้าด้วยเช่นกัน
สำหรับแคนาดาถือที่รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าปิดดีลนั้น เป็นประเทศที่ไทยมีโอกาสขยายตลาด เพราะมูลค่าการส่งออกสินค้าทุกประเภทในภาพรวมไปยังแคนาดานั้นถือว่าต่ำมาก คือน้อยกว่า 1% โดยสินค้าประเภทอุตสาหกรรมอยู่ที่ 0.6% ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ยางและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนประเภทสินค้าเกษตร อยู่ที่ 1.5% ถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยในภาพรวม ได้แก่ ข้าว อาหารทะเล และอาหารทะเลแปรรูป เช่น ทูน่า กุ้ง ปลาหมึก ลูกชิ้นกุ้ง รวมไปถึงไก่แปรรูป ดังนั้น ด้วยสัดส่วนที่ยังมีช่องว่างอีกมากจึงเป็นโอกาสของไทยที่จะขยายส่วนแบ่งของตลาดให้กว้างขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเจรจา FTA ไทย-แคนาดา ยังมีจุดที่น่าสังเกตและควรระวังอยู่ เพราะขณะนี้อาเซียนก็อยู่ระหว่างการทำ FTA กับแคนาดาเช่นกัน โดยมีการเจรจามาแล้วหลายรอบ และเท่าที่ทราบตอนนี้ได้มีการตกลงกันไปในหลายๆ หัวข้อ เช่น กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าที่มีการตกลงกันไปในหลายระดับ และตั้งใจจะสรุปการเจรจานี้กันภายในปี 2026 ดังนั้นหากไทย-แคนาดาจะเจรจา FTA กันโดยตรงแบบทวิภาคี คำถามคือเงื่อนไขหรือข้อตกลงอะไรที่จะแตกต่างกับ FTA อาเซียน-แคนาดา ซึ่งเป็นแบบพหุภาคี
“เพราะหากเงื่อนไงซ้ำซ้อน หรือ FTA อาเซียน-แคนาดา สร้างความน่าสนใจได้มากกว่า ผู้ประกอบการจะหันไปใช้ FTAอาเซียน-แคนาดา แทน ตรงนี้จะทำให้ทรัพยากรที่ทุ่มเทไปเป็นเวลานานในการสร้าง FTA ไทย-แคนาดา สูญเปล่า ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วใน FTA อาเซียน-ญี่ปุ่น หรือ AJCEP กับ FTA ไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA ซึ่งท้ายที่สุดผู้ประกอบการมีการใช้AJCEP น้อยมาก เพราะเงื่อนไขหลายอย่างสู้ JTEPA ไม่ได้ หรือระหว่าง FTA ไทย-อินเดีย กับ FTA อาเซียน-อินเดีย ซึ่งผู้ประกอบการใช้ FTA อาเซียน-อินเดีย เกือบทั้งหมด ” รศ. ดร.จุฑาทิพย์ กล่าว
นอกจากนี้ ในประเทศอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสนใจในการทำ FTA เพิ่มเติม เช่น ชิลี และ เปรู ก็มีความเหมาะสมและมีเงื่อนไขเดียวกัน เพราะขณะนี้ ชิลีกำลังจะเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และเปรูที่มีการทำกรอบความร่วมมือกับอาเซียนในลักษณะความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาระหว่างอาเซียน-เปรู ดังนั้นหากไทยต้องการทำ FTA กับชิลี และเพิ่มความสัมพันธ์กับเปรูใน FTA ไทย-เปรู ก็จะต้องคำนึงว่า จะมีเงื่อนไขข้อตกลงอย่างไรให้มีความแตกต่างกับ RCEP และกรอบความตกลงหุ้นส่วนที่ ASEAN ดำเนินการอยู่ในส่วนของเปรู
นักวิชาการธรรมศาสตร์ ยังกล่าวถึงโครงการ “คนละครึ่งพลัสเฟส 2” ที่กำลังจะมีการนำเสนอรายละเอียดเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือน ธ.ค. นี้ และคาดว่าจะเริ่มใช้กันในเดือน ม.ค. 2569 ตอนหนึ่งว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการบริโภคด้วยมาตรการที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ทำได้ในระยะสั้นเท่านั้น เพราะหากพิจารณาจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทส (จีดีพี)ไตรมาส 3 ที่สภาพัฒน์เพิ่งประกาศออกมา จะเห็นว่าการบริโภคไม่ใช่ปัญหาหลัก จนต้องมีมาตรการออกมาเพื่อให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทว่าสิ่งที่มีส่วนผลต่อจีดีพีอย่างมากคือการท่องเที่ยว และการลงทุนการบริโภคภาครัฐซึ่งยังน้อยอยู่ จนทำให้จีดีพีของไทยในไตรมาสนี้โตแค่ 1.2%
“หากมองในส่วนของอุปสงค์ (Demand) จะเห็นว่าตัวฉุดรั้งหลักคือการท่องเที่ยว ภาครัฐจึงควรให้ความสำคัญกับฟื้นคืนการท่องเที่ยวให้กลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะการนำนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และถ้ามองทางด้านอุปทาน (supply) ภาคอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัวสะท้อนการลงทุนภาคเอกชนถึงแม้ฟื้นตัวแต่ยังน้อยเกินไป” นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ศุภจี” จับมือสภาหอการค้าไทย ผนึกกำลังรัฐ-เอกชน รับมือมาตรการภาษีสหรัฐฯ ดัน FTA – เปิดตลาดอินเดีย – ดูแลสินค้าเกษตร พร้อมเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการชายแดน
วันที่ 9 ตุลาคม 2568 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ หารือร่วมกับคณะกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำโดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย
นักวิชาการหนุนแนวคิด'อนุทิน'ขยายเกษียณอายุราชการ
นักวิชาการธรรมศาสตร์ หนุนแนวคิด อนุทิน ขยายเกษียณอายุราชการเป็น 65 ปี ชี้หากไม่ปรับ สูงวัยจะเอาเงินที่ไหนยังชีพ
‘สุชาติ’ นำทัพพาณิชย์รุกสวิส! จับมือบิ๊กนำเข้า Stutzer ดันสินค้าไทยขึ้นเชลล์เพิ่ม ชวนใช้ FTA ไทย–EFTA หนุนการค้าไร้ภาษี
กระทรวงพาณิชย์มุ่งส่งเสริมสินค้าอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดสวิส และใช้โอกาสนี้ผลักดันการขยายปริมาณและความหลากหลายของการนำเข้าสินค้าจากไทย
รัฐบาลลุยเจรจา FTA เพิ่ม ตีปี๊บ 4 เดือน ใช้สิทธิทะลุ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ
รัฐบาลเดินหน้าเจรจา FTA เพิ่มต่อเนื่อง หลังใช้สิทธิภายใต้ความตกลงการค้าเสรี 4 เดือน ปี 68 มูลค่าทะลุ 3หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 13.46%
นักวิชาการ มธ. หนุน ‘ริบรถ’ เมาแล้วขับ ชงตำรวจติดกล้องขณะปฏิบัติหน้าที่
นักวิชาการธรรมศาสตร์ เห็นด้วยกับแนวปฏิบัติฟ้องคดี “เมาแล้วขับ” ของอัยการ หนุนขอให้ศาลสั่งริบรถของกลาง เหตุดื่มแล้วขับขี่สะท้อนเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย ยกเคสฝรั่งเศสก็ทำเช่นนี้ ระบุบังคับใช้กฎหมายจริงจังมีผลดีกว่าการเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้น แนะตำรวจควรติดกล้องขณะปฏิบัติหน้าที่

