'บุ๋ม ปนัดดา' เผยสาเหตุถอยจากคดี 'แตงโม' รับเคยเสนอทนายระดับประเทศให้

รายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน 31 เปิดใจ บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เผยสาเหตุทำไมถึงถอยจากเรื่องของ แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ทั้งที่ตอนแรกเป็นคนเสนอดูแลค่าใช้จ่ายและจัดหาทนายความระดับประเทศให้ถึง 2ท่าน

คุณเป็นหนึ่งคนในวงการที่ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรของคนในสังคมจะออกมาลงพื้นที่ตลอด แล้วมีหลายคนตั้งคำถามว่าคดีนี้คุณหายไปไหน?
บุ๋ม : ต้องเล่าท้าวความและที่สำคัญคือสิ่งที่เราเจอ ทำให้เราถอยดีกว่า คือเมื่อวันพุธก่อน ทางสายข่าวของทางอาชญากรรมโทรมาหา พวกสายข่าวก็จะมีบันเทิง มีอาชญากรรม บุ๋มเองทำงานกับหลายฝ่าย เขาบอกว่าพี่บุ๋มผมว่ามันแปลกๆ ตำรวจจัดหาทนายให้คุณแม่ของแตงโม เราก็บอกว่าทนายประจำโรงพักก็มีอยู่แล้ว แต่อันนี้ไม่ใช่มาจากอุดรฯ ทำไมต้องเป็นคนนี้ เราก็งง เสร็จแล้วเราก็โทรหาพี่ต่อย ดายศ บอกว่าพี่ต่อยเดี๋ยวบุ๋มจัดทนายให้ เอา 2 คนระดับประเทศให้เลย แล้วออกค่าใช้จ่ายให้หมด บุ๋มดูแลให้เองเอาความเป็นธรรม เอาความจริงมาสู้ให้น้องแตงโม พี่ต่อยขอบคุณพี่บุ๋ม เราก็บอกพี่ต่อยโทรคุยกับคุณแม่เลยนะว่าไม่ต้องใช้ทนายของตำรวจแล้ว เกรงใจ มันแปลกๆ ใช้ของพี่ดีกว่า ซึ่งวันนั้นเป็นทนายเจมส์และทนายโจ้ แล้วติดต่อให้แล้วด้วย ผลปรากฏว่าพี่ต่อยโทรกลับมาแล้วบอกว่าผมติดต่อแม่ไม่ได้เลย แม่อยู่ที่ สภ.นนท์ แล้วแม่ไม่รับสาย สักพักหายไป พี่ต่อยบอกพี่บุ๋มผมขอโทษ แล้วก็ออกมาเป็นภาพขอขมาอย่างที่เห็น

หนิง : ในวันนั้นรายการ คุยแซ่บshow ก็ติดต่อให้พี่ต่อยมาออกรายการเช่นกัน ซึ่งพี่ต่อยเองก็รับปากรายการเราแล้วว่าจะมา พอถึงเวลาแล้วก็ไม่มา แล้วเราก็ตกใจเหมือนที่พี่บุ๋มตกใจว่าไปมีเหตุการณ์ขอขมากันที่ สภ.นนท์ จริงๆ ทางรายการมีการคุยสคริปต์กับพี่ต่อยนะว่าจะมีการสัมภาษณ์อะไร เสร็จ 5 ทุ่ม พี่ต่อยโทรมาแคนเซิลตอนตี1 เหมือนกัน
บุ๋ม : วันนั้นเราเลยรู้สึกว่า รูปคดีมันมีผลต่อการพิจารณาคดีแน่นอน เมื่อแม่รับการขอขมา เราก็เลยรู้สึกไม่ใช่แล้ว อย่างนี้บุ๋มถอยดีกว่า เข้าใจใช่ไหม เรานำเสนอ เราบอกว่าเราอยากช่วย เราดูแลให้ซัพพอร์ตเต็มที่ แต่เมื่อคุณแม่ปฏิเสธ แล้วคุณแม่ขอใช้ทนายที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์ว่าทางตำรวจจัดหาให้ แต่พอตอนหลังบุ๋มสัมภาษณ์คุณกฤษณะ  เขาบอกว่าเขาเป็นคนที่โทรไปที่ สภ.นนท์เอง แล้วเสนอตัวว่าอยากมาช่วยคุณแม่ ก็ไม่รู้ใครพูดความจริงหรือไม่จริง แต่ในลักษณะนี้ เอาเป็นว่าบุ๋มเสนอตัวแล้ว ยื่นเรื่องที่ตัวเองพอทำได้แล้ว แต่ในเมื่อเขาไม่ให้ช่วยเราก็ต้องถอย

แสดงว่าพี่บุ๋มเอะใจตั้งแต่ตอนแรก?
บุ๋ม : คือเราช่วยเท่าที่เราทำได้ แต่เอะใจดอกสองคือ การขอขมา เพราะปกติเราก็ทำคดีมาเยอะ จัดปูพรหมแดงขอขมาขนาดนั้นไม่เคยเห็น

หรือคุณพูดไปอย่างนั้น คุณโดนข่มขู่หรือเปล่า?
บุ๋ม : ไม่มีใครกล้าขู่ฉัน ลองขู่ฉันสิรู้กันหมดทั้งประเทศ เพียงแต่ว่าในส่วนการทำงานตรงนี้ เรารู้ว่าถ้ามีการขอขมาแล้ว แล้ววันรุ่งขึ้นแม่คุยเรื่องเงินเยียวยาปุ๊บมันจบเลยไง คือคุณต้องเข้าใจว่าศาลพิจารณาคดีจากอะไร จากพยานหลักฐาน จากสำนวนของตำรวจที่ส่งไปให้เท่านั้นนะ

พี่บุ๋มเคยเจอคุณพ่อกับน้องไปไหนมาไหนดูแลกันไหม?

บุ๋ม : ต้องเห็นวันที่พ่อกับลูกกระเตงกันไปพาน้องไปถ่ายละคร เจอมันเป็นยุคแรกๆ ถ้าย้อนภาพเราเข้ามาวงการ ดาราที่ถ่ายเซ็กซี่ได้ แล้วพูดแบบตรงไปตรงมา มันมีไม่กี่คน มีบุ๋ม มีโม มีไม่กี่คนจริงๆ ในสมัยนั้นที่แม็กกาซีนเรียกถ่ายคือถ่ายได้หมด กลายเป็นว่าได้เจอกันบ่อย

ความน่ารักของคู่พ่อลูกเขาเป็นยังไง?

บุ๋ม : เขาดูแลกัน แล้วโมโคตรสู้ชีวิต สิ่งที่เราเห็นเราถึงบอกเสมอว่า โห...ทำไมน้องเจอวิบากกรรมเยอะจัง เจอแต่คำบูลลี่ เจอแต่คำนินทา จำแต่เรื่องอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้น เจอแต่เรื่องเม้าท์เรื่องความรัก แต่ไม่มีใครจำผลงานดีๆ ของน้อง น้องเก่งมาก น้องเป็นนักแสดงที่เก่งมาก น้องเป็นนางแบบที่สวยมาก เราอยากให้เขาจำภาพดีๆ กันมากกว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสะเทือนในใจเหมือนกัน อย่ามารักกันตอนตาย ในฐานะนักแสดงอย่างพวกเรา เราอยากให้ทุกคนจำพวกเราในวันที่พวกเรายังมีลมหายใจ และยังมีความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณความรักที่มีให้กันด้วยซ้ำไป มากกว่าที่จะมานั่งขออโหสิกรรมกันในวันที่จาก

ถ้าเหตุการณ์นี่เกิดขึ้นกับเรา พี่จะให้อภัยคนที่เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น 100% ไหม?

บุ๋ม : เราคงต้องการความจริงให้ได้มากที่สุด แล้วก็คงต้องการความยุติธรรมให้เกิดขึ้น เพราะขนาดบางคนไม่ใช่ลูกฉัน ฉันยังสู้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าเกิดเป็นลูกของเราจริงๆ  ฉันสู้ขาดใจ ไม่รู้มันเป็นสัญชาตญาณของความเป็นแม่มั้ง มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ และที่สำคัญ แนะนำคุณแม่ ไม่ต้องให้สัมภาษณ์อะไรแล้ว ให้ทนายเป็นคนพูด

เห็นล่าสุดเขาไปขอให้ทนายเดชาเป็นที่ปรึกษา?

บุ๋ม : เขาขอทุกคนให้เป็นที่ปรึกษา คือใครเป็นที่ปรึกษาเขาได้หมด แต่เขาจะเอาข้อมูลอันไหน เอาเรื่องอะไรมาพิจารณาคดีมากน้อยแค่ไหนมันแล้วแต่เขา เพราะเขาเป็นทนายที่ได้รับรองจากคุณแม่

คิดว่าความยุติธรรมในสังคมไทยที่ให้กับแตงโมมันจะเกิดขึ้นจริงไหม?

บุ๋ม : ด้วยกระบวนการยุติธรรมบ้านเรา พูดตามตรงคนรวยจะรอดง่ายกว่าคนจน เพราะอะไร เพราะเราต้องมีหลักทรัพย์ในการประกันตัว ถ้ามีเงินในการจ่ายเยียวยา คนรวยก็จะรอด เพราะมีเงินจ่าย คนรวยก็จะมีเงินจ้างทนายดีๆ ในการให้คำแนะนำ และเชื่อว่า 5 คนนั้นให้การว่าแตงโมไปฉี่ท้ายเรือ เพื่อให้ดูว่าเป็นความประมาทของตัวผู้ตายเอง เขามีคนที่ให้คำปรึกษาได้ดีมากด้วยที่จะทำรูปคดีแบบนี้ และเร็วด้วย ดังนั้นด้วยกระบวนการยุติธรรมในเมืองไทยมันเป็นมาในรูปแบบนี้มานานมากแล้ว คนรวยจะรอดง่ายกว่าคนจน