ฮอลลีวูดและการหย่าร้างของ 'แอนเจลินา โจลี'

AFP

วันนี้ แอนเจลินา โจลี มองอาชีพการงานในฮอลลีวูดที่ประสบความสำเร็จของเธอด้วยสายตาที่แตกต่าง ในการให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal เธอบอกว่า ถ้าย้อนกลับไปในอดีตได้ บางทีเธออาจจะไม่เลือกอาชีพนักแสดง

“ตอนที่ฉันเข้าวงการใหม่ๆ ฉันไม่ได้ถูกคาดหวังให้เป็นที่จับตามองของสาธารณชน และไม่ต้องแบ่งปันอะไรมากมายขนาดนี้” นักแสดงวัย 48 กล่าว แม้ว่าเธอจะเติบโตในฮอลลีวูด และพ่อแม่ของเธอเป็นนักแสดง แต่วงการภาพยนตร์ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกประทับใจเลย “ฉันไม่เคยเห็นมันมีความหมายหรือสำคัญเลย ฮอลลีวูดเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างฉาบฉวยและไม่ดีต่อสุขภาพสักเท่าไหร่นัก”

โจลีกำลังคิดที่จะหันหลังให้กับลอสแองเจลิสโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเธอไม่มีชีวิตทางสังคมที่นั่นจริงๆ “ฉันค้นพบว่าเพื่อนสนิทที่สุดของฉันเป็นผู้ลี้ภัย บางทีผู้หญิงสี่ในหกคนที่ฉันสนิทด้วยน่าจะมาจากพื้นที่สงครามและความขัดแย้ง” รวมทั้งลูกๆ ทั้งหกคน เธอก็เรียกว่าเป็น “เพื่อนสนิท” ของเธอด้วย “พวกเขาคือคนที่อยู่ใกล้ฉันที่สุดในชีวิต เราเจ็ดคนมีอะไรที่แตกต่างกันมาก และนั่นคือจุดแข็งของเรา”

อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถติดตามลูกๆ ของเธอไปในทุกที่ได้ตลอด เพราะปาปารัสซีจะคอยติดตามพวกเขาในทุกย่างก้าว เธอคิดถึงการย้ายจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งเหมือนแต่ก่อน “นั่นเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการหย่าร้างของฉัน ฉันสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตและเดินทางอย่างอิสระ ฉันจะย้ายเมื่อทำได้” โจลีกล่าว เธอหวังว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ที่บ้านของเธอในกัมพูชามากขึ้นในอนาคต

ในการสัมภาษณ์ โจลีไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของแบรด พิตต์ ปี 2016 เธอยื่นฟ้องหย่าหลังจากใช้ชีวิตคู่กันมานาน 11 ปี การหย่าร้างมีผลทางกฎหมายในปี 2019 เธอบอกเป็นนัยว่าสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อเธอมากเพียงใดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ร่างกายของฉันตอบสนองต่อความเครียดอย่างรุนแรง จนน้ำตาลในเลือดของฉันขึ้นๆ ลงๆ หกเดือนก่อนหย่าจู่ๆ ฉันก็เป็นโรคอัมพาตแบบเบลล์” (Bell’s Palsy คือโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก เป็นภาวะกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก มีอาการปากเบี้ยวและหลับตาได้ไม่สนิท เกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทที่ไปควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้า)

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 แอนเจลินา โจลีเคยพูดถึงปัญหาสุขภาพของตัวเองในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Vanity Fair “บางครั้งผู้หญิงก็เอาตัวเป็นอันดับสุดท้ายในครอบครัว จนถึงจุดที่ส่งผลต่อสุขภาพของพวกเธอ”

ช่วงที่ผ่านมา เรื่องราวระหว่างเธอกับแบรด พิตต์ไม่เคยเงียบหายไปจากสื่อ อดีตสามีภรรยาคู่นี้มีข้อพิพาทกันตั้งแต่เรื่องลูกๆ ไปจนถึงกรณีแบ่งสมบัติ ซึ่งเป็นโรงกลั่นเหล้าองุ่น ‘ชาโต มิราวัล’ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ในการสัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ครั้งล่าสุดโจลีบอกว่า เธอและลูกๆ ใช้เวลาอยู่นานกับการจัดการเรื่องเหล่านี้ “มีหลายเรื่องที่เราต้องใช้เวลาฟื้นตัว ต้องเยียวยารักษา”

คล้ายกันกับความคิดเห็นที่แอนเจลินา โจลีเคยบอกกับนิตยสาร Vogue อเมริกาเมื่อเดือนกันยายน ตอนนั้นเธอกล่าวว่า “เรามีสิ่งที่ต้องเยียวยาอีกเยอะมาก เรายังต้องหาจุดยืนของเราให้เจอ ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้เป็นตัวของตัวเองมาสิบปีได้แล้วมั้ง”.

AFP

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ลุงสุทิน' ฟาด 'ก้าวไกล' ดูงานที่โปแลนด์ อยากให้ไทยรับผู้อพยพพม่า ทั้งที่บริบทสงครามต่างกันมาก

กรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำคณะกมธ.เดินทางไปดูงานแนวทางการรับมือผู้ลี้ภัยที่ประเทศโปแลนด์

'ปานปรีย์' เผย 'จักรภพ' ไม่ได้ประสาน กต. ก่อนกลับไทย รับไม่ได้เกาะติดผู้ลี้ภัยการเมือง

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ลี้ภัยทางการเมืองนานถึง 15 ปี เดินทางกลับประเทศไทย ว่า นายจักรภพไม่ได้ประสานมาทางกระทรวงการต่างประเทศ (กต.)

'จักรภพ เพ็ญแข' ประกาศกลับไปรับใช้เมืองไทย 28 มี.ค.นี้ หลังลี้ภัยการเมืองกว่า 10 ปี

นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ลี้ภัยทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 เวลา 07.35 น.จักรภพ เพ็ญแข