หลังจากที่นักร้องดัง หนุ่ม กะลา หรือ ณพสิน แสงสุวรรณ มอบหมายให้ ทนายเดชา กิตติวินันท์ ยื่นฟ้อง 2 คนใกล้ชิด ปมยักยอกเงิน 66 ล้าน รวมถึงมอบหมายให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำลายชื่อเสียงผ่านโซเชียลมีเดียหรือออกรายการทีวีต่าง ๆ ล่าสุด หนุ่ม กะลา พร้อมทนาย ได้ตั้งโต๊ะแถลงเรื่องที่เกิดขึ้น
โดยทางทนายเดชา แจ้งว่า วันนี้นัดหนุ่มกะลามาเปิดใจ เรื่องห้างหุ้นส่วน ซึ่งหนุ่มกะลาเป็นหุ้นส่วน แล้วเงินหายไปจากบัญชีตั้งแต่ปี 2558 จนถึง 2566 ตลอด 9 ปีเงินหายไป 66 ล้านกว่า “หลังจากได้มีการตรวจสอบสเตจเมนต์ในคดีชู้ ซึ่งภรรยาของหนุ่ม กะลา ไปฟ้องเรื่องชู้ แล้วมีการเรียกสเตจเมนต์ เมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีเงินหายไปจากบัญชี ตรวจแล้วสเตจเมนต์มายันหมดเลย เงินไปเข้าบัญชีภรรยาหมด หลังมีปัญหาเรื่องมือที่สาม แยกกันอยู่ ก็เอาบัญชีมาดูเงินเหลือ 2-3 แสนบาท “หลังจากนั้นได้มีการรวบรวมหลักฐานแล้วก็ฟ้องไปที่ศาลแขวนสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ซึ่งจริงๆ ความตั้งใจไม่ได้อยากให้เป็นข่าว แต่คู่กรณีไปปล่อยข่าวทางโซเซียล เมื่อเกิดความเสียหายจึงต้องออกมาชี้แจง”
ซึ่งในส่วนของ หนุ่ม กะลา นั้น เผยว่า ไม่ได้อยากให้เป็นข่าว ตั้งแต่มีข่าวเรื่องมือที่สามก็ได้ออกมาพูดเพียงคาครั้งเดียว แล้วโฟนอินเข้ารายการ ไม่อยากพูดเยอะกลัวกระบทลูก ครั้งนี้ก็ไม่ได้อยากออกมาพูด แต่พอเงียบกลับมีข่าวออกมาจากบางเพจ จากบางบุคคล ว่าจะบวช จะหนีไปอยู่กับเมียน้อย 2-3 วันที่ผ่านมา เริ่มเป็นกระแส เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ให้ทนายวิเคราะห์ว่ามันร้ายแรงแค่ไหน ซึ่งมันไปไกลตัวมากแล้ว เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องออกมา
“ผมอยากบอกว่าเจตนาผมที่ไปฟ้องต่อศาลฟ้องเพื่อเคลียร์ปัญหาเรื่องการยักยอก มันคือปัญหาภายใน ผมไม่ใช่คู่แรกของโลกที่เลิกรากันแล้วศาลเป็นคนตัดสิน มันมีอีกเป็นร้อยเป็นล้านคู่ แล้วการที่ให้ศาลเป็นคนคุย เป็นการคุยภายใน ไม่ใช่ใช้สื่อกดดันว่าผมไม่เลี้ยงลูก ชั่วร้าย ผมเป็นแบบนั่นนี้ พอฝั่งนั้นพูดถึงเวลาที่ผมต้องอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่ผ่านมารับแค่การเป็นศิลปินเดียวสัก 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีข้อสงสัยอะไรที่เกี่ยวกับการเงิน เพราเราเป็นสามีภรรยากัน ผมจ่ายค่าไฟเองยังไม่เป็นเลย มีหน้าที่ออกไปหาเงินแล้วกลับมา แต่ตอนที่เราคุยกันแล้วจะคืนบัญชี เขาคืนมา 2 หรือ 3 แสน มันเลยเป็นจุดทำให้ผมทำให้ผมรู้สึกว่า เดี๋ยวนะ ผมยังต้องรับผิดชอบรายเดือนเขาและลูก อีกเกินจำนวนเงินที่เขาคืนผม แล้วเงินผมไปไหนหมด เขาไม่เคยให้เหตุผลอะไรกับผม ผมได้เงินเดือนละ 40,000 บาท ผมได้เท่านั้นครับ
พอเขาคืนเงินกลับมา ผมก็ตกใจว่าเงินไปไหน แล้วเช็กสเตจเมนต์ทางมือถือได้คร่าวๆ ชื่อออกไปที่ “เพ็ญชุลี” ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งผมเคยพูดกับจูนว่าทำไมบ้านเราไม่มีเงิน 10 ล้านสักที คำพูดนี้อยู่ในไลน์ที่คุยกันนะครับ ผมเป็นนักร้องที่น้อยเนื้อต่ำใจมาก พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ทำไมผมถึงเป็นนักร้องที่ไม่มีเงิน 10 ล้านสักที ทุกครั้งทีไปแบงก์กัน ผมเป็นกรรมการ ผมต้องเป็นคนเซ็นเพื่อเบิกเงิน ผมต้องเป็นคนเดียวที่เบิกเงินได้ คำถามว่าทำไมเงินไป เพ็ญชุลี โดยผมไม่ได้เซ็นชื่อ
แล้วทุกครั้งที่ไปแบงก์ สมมติผมทำงานตั้งแต่มกราคมจนถึงเดือน 6 สมมติผมมีรายได้เดือนละ 2 ล้าน สมมติเราได้ 10 ล้าน ผมตีให้แบบฟุ่มเฟือยสุดๆ ใช้เงินครึ่งนึงอาจะเหลือ 5 ล้าน ไม่ครับ เงินเหลือประมาณ 2 ล้าน 3 ล้าน พอเราทำงานมาครึ่งปีหรือหนึ่งปี เราจะรู้สึกว่าเงินของเราไปไหน คำตอบคือเรามีค่ายใช้จ่าย มีนั่นมีนี่ และไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นตอนที่ผมมีประเด็นข่าวกับเขานะครับ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ผมเป็น วงกะลา ด้วยซ้ำ จนมาเป็นนักร้องเดี่ยว 9 ปี 10 ปี
ทีนี่ทุกมากระจ่างตอนผมเริ่มดูสเตจเมนต์ ทำไมถึงเห็นยอด 3 ล้าน ยอด 2 ล้าน เพราะก่อนที่จะเหลือ 3 ล้าน มันถูกกระจาย เงินจะเข้าทุกวันศุกร์แล้วออก ยอดจะเหลือแค่ให้ผมเห็นว่าผมเหลือเท่านี้ วันนี้ที่ผมคุยกับเขามาตลอด เขาบอกทำไมเป็นคนในครอบครัวถึงไม่คุยกัน ผมคุยกับจูนมาตลอด ผมหลายเดือนแล้วนะ ทุกอย่างอยูในไลน์หมด คุยกันมาหลายเดือนมาก เพราะตอนนี้ผมเป็นหนี้ ผมเป็นหนี้เกือบ 20 ล้าน คือถ้าบริหารเงินผมได้จริง ผมเป็นนักร้องมา 26 ปี ทำไมผมเป็นหนี้ 20 ล้าน
ถ้าผมหาเงินได้ปีละ 20 กว่าล้าน ผมเป็นหนี้บ้าน หนี้รถทุกคนที่ผมมี หนี้รถที่เขาสองคัน ที่ผม 1 คัน หนี้คอนโด ทุกอย่างเป็นหนี้หมด พอผมเห็นสเตจเมนต์แล้ว ก็มาพบพี่เดชา และบอกว่าผมไม่ได้จะเอาเงินคืนนะครับ ผมอยากจะบอกทุกคนว่าผมไม่ไดด้จะเอา 66 ล้านคืน นี่ช่องทางเดียว มีบัญชีอื่นอีก ต่อให้เป็น 100 ล้านผมก็ไม่เอาคืน แต่ผมขอเขามาโดยตลอดว่าจูน ปิดหนี้ให้หน่อย แล้วถ้าเป็นไปได้ขอเงินติดตัว 5 ล้าน ถ้าให้ไม่ได้ไม่เป็นไร ปิดหนี้ให้หน่อย แล้วก็จบกัน ส่วนเรื่องที่ผมเห็นบางคอมมนต์ว่าอยากหย่าขนาดนี้เลยเหรอ ไม่นะ ครับ ความจริงจูนบอกว่าจะหย่าอยู่เรื่อยๆ ช่วงหลัง ผมบอกยังหย่าไม่ได้ เพราะเงินของผมอยู่ที่ไหน เราต้องคุยเรื่องนี้กันก่อน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
ส่วนที่ถามว่าเงินไปไหน เขาบอกว่าไม่มี ตอนเป็นประเด็นข่าวมีบางช่องพูดว่า พี่หนุ่ม กะลา มีเงิน 8 ล้าน สาบานให้ตายเลย เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นเงินตัวเองเกิน 5 ล้านเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยครับ ตอนที่บอกว่า 8 ล้าน เขาบอกขอเก็บให้ลูกนะ ผมยังดีใจที่สุดในชีวิตด้วยซ้ำ อย่างน้อยเลิกกันไป ลูกยังยังมีเงิน 8 ล้าน ใจคิดแบบนั้นเลยครับ ถามว่าปัญหานานหรือยัง มันมีคำถามทุกครั้งที่ไปแบงก์ แต่สุดท้ายผมไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะผมไม่ได้จะไปไหนจากเขา แล้วผมไม่คิดว่าคนๆ นึง จะใจร้าย ขนาดที่เลิกกันไปแล้ว ตัวเองเก็บทรัพย์สินทุกอย่างไว้หมดแล้วทิ้งหนี้ไว้ให้ผมขนาดนี้ ผมจะบอกว่า บางคนพูดว่าออกมาแล้วไม่รบผิดชอบเลี้ยงดูลูก ค่าใช้จ่ายเดือนละ 700,000 บาท ผมยังจ่ายทุกเดือนนะ จ่ายของจูนด้วยนะครับ
ส่วนที่ฟ้อง มันคือการที่เขาต้องมาแจงกับผมว่าเงินไปไหน แล้วเมื่อเขาแจงได้หรือไม่ได้ก็ตาม เราต้องคุยกันว่า ถ้าไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ก็ขอให้ปิดหนี้ให้หน่อย แล้วจบกันไปนะ คำตอบเขาก็คือไม่มี อยากฟ้องก็ฟ้อง อยากฟ้องก็ฟ้องเลยไหนหมายล่ะผมกับเขาจดทะเบียนสมรสกัน แต่เราแบ่งสินสมรสไม่ได้ เพราะตอนที่ผมแยกออกจากบ้าน ของทั้งหมดที่เป็นหนี้เขาให้ผม แต่ทุกอย่างที่ถูกผ่อนหมดแล้วเขาเอา นั่นคือสิ่งที่ผมจะเริ่มแบ่งจากอะไร ผมรู้สึกผิดที่ผมทำสิ่งนั้น ผมยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายครับ พอเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ พอแยกทางก็ต้องตกลงกันว่าจะเอายังไงต่อ ผมทำงานมาทั้งชีวิต มันไม่ยุติธรรมกับผม เงินมันหายไปหมด กลายเป็นว่าผผมต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งลูก รวมๆ ทั้ง 2 บ้าน ค่าใช้จ่ายประมาณ 700,000 บาท
ตลอด 25 ปี คือเงินผมทั้งหมด ไม่ใช่ของจูน วันนี้ผมแค่รู้สึกว่าต่อให้ทุกบัญชี ขึ้นศาลต่อให้ 100 ล้าน ผมก็ไม่เอาคืน ผมเชื่อว่าสุดท้ายเขาจะดูแลเงินเพื่อลูกได้ดีอยู่แล้ว ผมแค่คิดว่าปิดหนี้ และต่างคนต่างชีวิต ดูแลลูก ก็จบ ที่ฟ้องคืออยากให้ปิดหนี้ให้เท่านั้น และก็ยังคงจะส่งเสียลูกเหมือนเดิม ไม่ได้โกรธเขา หรืออยากให้เขาติดคุก แต่การยักยอกทรัพย์ มันมีผลต่อบริษัทเขาทำงาน แต่ก็ไม่อยากให้ใครล้ม อยากให้เป็นธรรมกับผม ในส่วนที่ผมร้องขอ ก็พอ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทนายพัช' ยื่นศาลขอถอนตัวเป็นทนาย 'แอม ไซยาไนด์'
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวัณวัฒน์ หรือทนายพัช เดินทางมาศาลอาญา พร้อมเอกสารการยื่นขอถอนตัวออกจากการเป็นทนาย
เผือกร้อนสภาทนายความ สอบมรรยาท '2 ทนายดัง'
นายกสภาทนายความ นั่งไม่ติด เเจงไทม์ไลน์สอบมรรยาท ”ทนายตั้ม –ทนายเดชา” 30 วันเเจ้งผลเบื้องต้นให้ทราบได้
'สนธิ' ร้องเรียนสภาทนายความ สอบมรรยาท 'ทนายษิทธา-ทนายเดชา'
ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อม
กลับลำแล้ว! 'ทนายจุ๊กกรู' ยอมรับเสียหมา คดีทนายตั้มโกงเงินเจ๊อ้อย
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่คำพูดที่มีการให้สัมภาษณ์ในรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" โดย "ทนายเดชา" เปิดเผยว่า มีแหล่งข่าวใกล้ชิดตำรวจเขาอธิบายเกี่ยวกับพยานหลักฐาน
'ทนายโซเชียล' เปิดศึกกรรมการมรรยาททนาย 'จุ๊กกรู๊' โวลั่นจะชิงลงมือก่อน!
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “ทนายเดชา” โพสต์ข้อความเมื่อวานนี้ว่า "นั่งกินข้าวต้มหลังเลิกงานครับ ผมได้ข่าวมาว่ามีพวกทนายความบางคนเดินสายออกทีวี
นักวิชาการ ฝากถึง ว.วชิรเมธี ทองแท้ต้องไม่กลัวไฟลน มารไม่มี บารมีไม่เกิด
อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่บทความ เรื่อง "ทองแท้ต้องไม่กลัวไฟลน" มีเนื้อหาดังนี้