21 พ.ย.2567 - ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมทนายความ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนให้พิจารณาสอบมรรยาททนายความกับนายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา กับ นายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ กำกับดูแลงานมรรยาททนายความ จากนั้นจึงเข้าพบกับ นายคณิต วัลยะเพ็ชร์ ประธานกรรมการมรรยาททนายความ
โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
จากนั้นนายสนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า ผมดีใจมากที่สื่อมวลชนและผมได้ช่วยกันนั้น ทำให้ความจริงปรากฎ และเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในสังคมไทย สิ่งที่ษิทธาทำกับน.ส.จตุพร หรือ เจ๊อ้อย ไม่ใช่การฉ้องโกงหรือฟอกเงินอย่างเดียว แต่เป็นกระบวนการของคนที่รู้กฎหมาย แล้วใช้ความรู้ทางกฎหมายเอารัดเอาเปรียบคนที่ไม่รู้กฎหมาย โดยเฉพาะน.ส.จตุพรที่มองว่าเป็นคนต่างจังหวัด ที่เจอกับทนายษิทธาทางโซเชี่ยลเฟซบุ๊ก ซึ่งสิ่งที่ทำ เป็นการหลอกลวงประชาชนที่หลงเชื่อ
นายสนธิกล่าวอีกว่า ตนยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่โดนทนายความหลอกเป็น 100 ราย บางรายเป็นทนายความที่โดนไล่ออกแล้ว ประชานบางคนถูกหลอกจรหมดเนื้อหมดตัว ตนจึงรับไม่ได้แล้วความยิ่งใหญ่ของนายษิทธาในอดีตเป็นเรื่องที่คนไม่กล้าเข้าไปยุ่ง แต่เขาเข้าใจผิด สำหรับตนแล้วจะใหญ่แค่ไหนถ้าความอยุติธรรมเกิดขึ้น ตนก็จะไม่รีรอที่จะทำ
นายสนธิกล่าวต่อว่า น.ส.จตุพร ได้มอบอำนาจให้ตนดำเนินการเด็ดขาดกับเรื่องที่ได้แจ้งความนายษิทธาไว้ เกี่ยวกับการฉ้อโกงและฟอกเงิน รวมทั้งมีอำนาจในการแต่งตั้งทนายความด้วย
นายสนธิ กล่าวอีกว่า กรณีนายษิทธานั้น ตนขอยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจา จะดำเนินคดีไปจนสุดซอย ถ้ายังไม่ได้ผล หรือซอยตัน ก็จะทะลุซอย ทุบกำแพงออกแล้วเดินหน้าต่อไป เพราะเรื่องของน.ส.จตุพร หรทอเจ๊อ้อย เป็นเรื่องกรอบกระบวนการที่สร้างมาจากคนที่ฉลาดเรื่องกฎหมาย เพื่อเตรียมตัวจะสู้คดีเพราะรู้อยู่ว่าเมื่อโดนฟ้องจะสู้คดีอย่างไร
ภายหลังรับหนังสือร้องเรียนแล้ว นายสุชาติ กล่าวว่าเราจะรับเอกสารไว้แล้ว หลังจากนี้จะส่งให้ประธานกรรมการมรรยาททนายความ ซึ่งประธานมรรยาททนายความจะมอบหมายให้รองประธานมรรยาททนายความท่ายใดท่านหนึ่งพิจารณาว่าจะรับคำกล่าวหาหรือไม่ ถ้ารับก็จะเข้าสู่กระบวนการตั้งกรรมการสอบสวน แต่ก่อนตั้งกรรมการสอบสวนจะต้องแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ทราบเพื่อแก้ต่างคำกล่าวหาก็จะทำให้การพิจารณาคดีมารยาททยายความรวดเร็วขึ้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง ปกติแล้วการลงโทษก็จะมีตั้งแต่ตักเตือน ,ภาคทัณฑ์ พักใบอนุญาตทนายความ 3 เดือน ,6 เดือน หรือ 3 ปี หากรุนแรงสุดก็จะเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ แต่ผู้ถูกกล่าวหาสามารถอุทธรณ์กับ สภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความหรือ รมว.ยุติธรรมหรือฟ้องศาลปกครองได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทนายอั๋นบุรีรัมย์โดนบ้าง! เจอร้องสอบมรรยาท
ร้องสอบมรรยาท 'ทนายอั๋นบุรีรัมย์' หลังพบแทรกแซงอำนาจ กกต.ปมเลือกตั้งวุฒิสภา และทำตัวไม่เหมาะสมต่อวิชาชีพ
เบิกตัว 'ทนายตั้ม-เมีย' กับพวก ขึ้นศาล ตรวจหลักฐานคดีโกง 'เจ๊อ้อย'
ศาลนัดตรวจหลักฐาน คดีหมายเลขดำอทย.109/2568 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม
จำคุก 1.4 ปี 'ทนายตั้ม-ไฮโซสาวใหญ่' หมิ่นอดีตรองประธานสภาฯ ชดใช้ 1.1 ล้านบาท
ที่ศาลจังหวัดนครพนม ศาลอ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1316/2566 (หมายเลขแดงที่ อ.250/2568) ที่นายธนบวร ศิริคุณากรกุล นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
ศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว 'ทนายตั้ม' เผยสภาพล่าสุดหลังติดคุก 3 เดือน
ศาลนัดไต่สวนกรณีทนายความยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอประกันตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เเละ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา จำเลยคดีร่วมกับพวกฉ้อโกง
สภาทนายความ ลงดาบ 'ตั้ม ษิทรา' ห้ามเป็นทนาย 3 ปี ปมถูกร้องตบทรัพย์ ผกก.โจ้
สภาทนายความลงโทษคดีมรรยาท“ทนายตั้ม”คดีเเรก กล่าวหาตบทรัพย์ ผกก.โจ้ สั่งห้ามเป็นทนาย 3 ปี หลังโดนทนายดังเพื่อนรักร้อง เผยยังมีเรื่องอื่นรอคิวเป็น 10 เรื่องส่อถูกถอนใบอนุญาต ศาลอาญานัดไต่สวนประกันเจ้าตัวกับเมีย 3 ก.พ.นี้
ทนายตั้ม-เมีย-พวก อ่วม! อสส.สั่งฟ้องฉ้อโกง-ฟอกเงิน
นายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบ