'ดิไอคอน กรุ๊ป' พ่นพิษ! คนบันเทิงเป็นเหยื่อครึ่งวงการ

กลายเป็นคดีดังส่งท้ายปี 2024 ที่ทำเอาสะเทือนไปทุกวงการจริงๆ  สำหรับ กรณี ดิไอคอน กรุ๊ป ซึ่งมี​ บอสพอล หรือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นซีอีโอ ธุรกิจขายตรงที่มีผู้เสียหายออกมาร้องเรียนเป็นจำนวนมาก  คิดเป็นมูลค่าความเสียหายหลักหลายร้อยล้านบาท และเรื่องนี้ได้ถูกโยงไปยังดาราศิลปินหลายราย ที่เคยร่วมงานและตกเป็นเหยื่อของ ดิไอคอน จนแต่ละคนต้องออกมาแก้ข่าวกันเป็นพัลวัน

เริ่มกันที่ บอสกันต์ กันตถาวร, บอสแซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี, และ บอสมิน-พีชญา วัฒนามนตรี ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทั้ง 3 คนนี้มีตำแหน่งใหญ่โตในอิไอตอน แต่จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ทั้ง 3 คนต้องออกมาชี้แจงต่อสังคม โดยยืนยันว่าเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของบริษัทหรือการลงทุน  แต่เนื่องจากมีผู้เสียหายได้แจ้งความเอาผิดพร้อมระบุชื่อของทั้ง 3 คน จึงถือว่าเป็นผู้ต้องหาและล่าสุด วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. นำพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีดิไอคอน จำนวน 18 ราย โดยมี 3 บอสดารา บอสแซม ภมรมนตรี, บอยมีน พีชญา  และ บอสกันต์ กันต์ถาวร ที่มีตำแหน่งระดับบริหารของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมอยู่ในนั้นด้วย

ส่วนอีก 2 รายชื่อที่มีการเปิดเผยรายชื่อมาพร้อมๆ กับ บอสดาราทั้ง 3 ท่าน คือ โดม-ปกรณ์ ลัม และ บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ซึ่งในส่วนของหนุ่มโดมยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ  มีแต่ทางผู้จัดการส่วนตัวที่ได้ออกมาเปิดเผยว่า หนุ่มโดมเป็นแค่พรีเซนเตอร์ ไม่มีส่วนบริหาร ด้าน บอย ปกรณ์ ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจผ่านรายการรายการโดนกระแส ทางช่อง 3 พร้อมกับโชว์หนังสือยกเลิกสัญญากับทางบริษัท The iCon และคืนเงินค่าจ้าง

นอกจากนี้ยังมีอดีตพรีเซนเตอร์ที่เคยร่วมงานกับดิไอคอน อย่าง ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ที่ทางต้นสังกัด ช่องone31ได้ขอชี้แจ้งว่า ป้อง ณวัฒน์ ได้เคยทําสัญญาเป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์ของ ผลิตภัณฑ์ (ในประเทศไทยเท่านั้น) ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์วิตามิน ซี (Boom Vit C) เพียงอย่างเดียว และสัญญาได้หมดลงแล้ว โดยในสัญญาได้มีการระบุขอบเขตงานไว้อย่างชัดเจน ซึ่ง ป้อง ณวัฒน์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ หรือการขายใดๆ ของบริษัท ในส่วนของ ลีเดีย- ศรัณย์รัชต์ ดีน ได้เคลื่อนไหวและชี้แจงผ่านทางอินสตาแกรม โดยแจ้งว่า "เดียเคยเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า BOOM มีสัญญาเพียง 1 ปี ตั้งแต่ปี 2561 โดยได้มีการแสดงคอนเสิร์ตร้องเพลงด้วยเท่านั้นค่ะ ไม่ได้มีการทำงานนอกเหนือจากนี้ค่ะ ส่วนภาพคุณแมทธิว ก็รับหน้าที่พิธีกรในวันที่เดียแสดงคอนเสิร์ตร้องเพลงเท่านั้นค่ะ" อีก 2 อดีตพรีเซนเตอร์ พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ซึ่งร้อนใจกับเรื่องดังกล่าวถึงขั้นตั้งโต๊ะแถลง ชี้แจงว่า “พีรับงานนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโปรดักส์ บูม ไอซี เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา ของบริษัท THE iCON ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2565 สัญญาทั้งหมด 1 ปี เงื่อนไขสัญญาทั้งหมดใน 1 ปี พีทำงานกับเขา 3 วัน คือถ่ายภาพนิ่ง ออกรายการ พีพีxกันต์ และมีอีกอย่างนึงก็คืออีเวนท์เปิดตัวโปรดักส์ นอกนั้นไม่มีเลย อันนี้ถูกระบุไว้ในสัญญาทั้งหมด แล้ว” แต่ในส่วนของ เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ  ตอนนี้ยังเงียบอยู่

และในส่วนของดาราศิลปินอีกหลายๆ ท่านที่มีภาพหรือมีซื่อไปเอี่ยวกับดิไอคอน ก็ได้ทยอยออกมาชี้แจง โดยในส่วนของ กบ ไมโคร หรือ ไกรภพ จันทร์ดี ที่ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าได้ทำกับดิไอคอนได้ 1 ปีครึ่ง เปิดบิลเป็นดีลเลอร์ 7 บิล บิลละ 250,000 บาท สูญเงินกว่า 1.4 ล้านบาท และยิงแอดอีก 1 ล้านบาท ทำให้เกิดกระแสว่าสรุปเป็นผู้เสียหายหรือเป็นแม่ทีม เจ้าตัวก็ได้เดินทางเข้ามาให้ปากคำกับ พนักงานสอบสวน และแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าตอนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการกระทำผิดคดี The Icon Group ฟาก ตั้ม-วราวุธ โพธิ์ยิ้ม ที่มีถ่ายภาพร่วมกับบอสพอล , บอสสวย และบอสกันต์ กันตถาวร พร้อมมีข้อความเขียนไว้ว่า “ยินดีต้อนรับน้องตั้ม the star เข้าสู่ครอบครัวออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป” ทางหนุ่มตั้ม ได้ออกมาชี้แจงผ่านทางสตอรี่ไอจีว่า “จากที่เป็นข่าวนะครับ ผมเปิดบิลกับ THE ICON ไป 250,000 เหมือนกันครับ ผมจะกลับจากเกาหลี ถึงไทยพรุ่งนี้ รวบรวมหลักฐานเรียบร้อยจะรีบไปแจ้งความดําเนินคดีครับ”

อีกหนึ่งผู้เสียหาย อ๊อฟ-ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ นักร้องชื่อดัง ก็ได้พาคุณแม่เข้ามาแข้งความ พร้อมกับเผยว่า “จากการตรวจสอบข้อมูลการชำระเงินให้บริษัทย้อนหลัง พบว่ามูลค่าความเสียหายของตนและแม่ รวมกันกว่า 1 ล้านบาท และตนไม่เคยชักชวนใครมาร่วมลงทุน ส่วนแม่ชักชวนญาติพี่น้องมาร่วมลงทุนหลายรายคาดว่า 8-10 คน คนละ 250,000 บาท แต่ข้อมูลที่นำมาแจ้งความจะมีเฉพาะส่วนของตนและแม่เท่านั้น สำหรับโปสเตอร์ที่เผยแพร่ภาพตนระบุข้อความว่าเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งนั้น ไม่ทราบมาก่อน เพราะถูกนำไปใช้โดยที่ไม่ได้อนุญาต ไม่ทราบว่าใครเป็นคนนำไปใช้ จึงเดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจดิไอคอน แต่เป็นผู้เสียหาย“

ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ยืนยันว่าเป็นผู้เสียหายที่เคยร่วมลงทุนกับบริษัทดิไอคอน โดยถูกชักชวนจากคนรู้จักให้เข้าพบกับบอสพอล เป็นการส่วนตัวในช่วงแพร่ระบาดของโควิด 19  ขณะนั้นภรรยาทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ชุดตรวจโควิด 19 จึงคาดว่าจะเข้าพูดคุยธุรกิจกัน แต่กลับถูกชักชวนให้ร่วมลงทุน โดยได้ลงทุนในฐานะตัวเเทนจำหน่าย ในราคาโปรโมชั่นเป็นเงิน 220,000 บาท จากราคาปกติ 250,000 บาท ที่ผ่านมาไม่เคยชักชวนใครมาร่วมลงทุน สินค้าที่ได้มาส่วนใหญ่ก็นำไปใช้เองหรือแจกให้คนรู้จัก ส่วนกรณีของ เบิ้ล ปทุมราช หรือ อาทิตย์ สมน้อย  ยอมรับว่ารู้จักกับ บอสพอล วรัตน์พล เจ้าของธุรกิจจริง รวมถึงเคยไปเข้าคอร์สเรียนออนไลน์และเปิดบิลขายของกับริษัทนี้อีกด้วย แต่สุดท้ายไม่ได้ไปต่อ เพราะยังมีหน้าที่ในการทำงานธุรกิจของตนเองที่ต้องโฟกัส

สมพงษ์ คุนาประถม หรือ อี๊ด โปงลางสะออน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่เสียเงินให้กับดิไอคอน “กรณีที่กำลังเป็นกระแส ในส่วนของผม ช่วงต้นปี 65 เห็นโฆษณาตามสื่อต่างๆ และมีคนมาแนะนำ ผมอยากมีรายได้เสริม เพราะเห็นว่ามีการสอนขายออนไลน์ จึงเข้าไปดูว่าบริษัทเขามีตัวตนจริงไหม มีการสอนจริงหรือไม่ ตอนนั้นก็เห็นว่ามีจริง สอนจริง มีคนเรียนจริง ผมจึงตัดสินใจเปิดบิลไป หลังจากสมัคร ผมเสียเงินไปแล้ว ก็ได้ของมาส่วนหนึ่ง แต่ของมันยังขายไม่ได้ ได้แต่ทานเองบ้าง แจกบ้าง ผมก็เลยไม่ได้ทำต่อ ตอนนี้ของก็ยังมีอยู่ที่บ้านครับ” ส่วน ปู-มัณฑนา หิมะทองคำ ยอมรับว่าลงทุนกับดิไอคอน  สมัครเพื่อช่วยปิดยอดให้พี่หมอ และทางดิไอคอนบอกว่าจะมีงานอีเว้นต์ปลายปีให้ นอกจากนี้ยังมีภาพแชทข้อความที่ปู มัณฑนา คุยกับบอสพอลเพื่อขอคืนเงิน หลังจากที่ลงทุนไปเป็นปี แต่กลับไม่ได้รับของ เพราะแม่ข่ายอ้างว่าไม่มีของ สุดท้ายเหมือนฝั่งบอสพอลจะปฏิเสธ เพราะยืนยันว่ามีของในสต็อกแน่นอน

 ครูอ้วน-มณีนุช เสมรสุต ก็โดนลากเข้าไปเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย โดยมีเพจดัง ได้โพสต์รูปของครูอ้วนที่ร่วมเฟรมกับบอสพอลและกันต์ กันตถาวร และระบุข้อความว่า "ตรวจพบคุณครูท่านหนึ่ง สอนร้องเพลง ผันตัวมาเป็นครอบครัวดิไอคอน" ซึ่งทางครูอ้วนก็ได้เข้าไปคอนเมนต์ในเพจนั้นว่า "ใจเย็นๆ นะคะ ภาพนี้นานมากแล้วเท่าที่จำได้ ได้มีทีมงานติดต่อมาแจ้งว่าสนใจอยากให้เข้ามาเป็น Partner กับธุรกิจนี้ซึ่งก็ไม่ทราบว่าคืออะไร จึงนัดเข้าไปขอคุยกันดูก่อน ซึ่งพอเข้าไปคุยแล้ว ก็อย่างที่หลายๆ ท่านออกมาพูดกันเลยค่ะ ซึ่งไม่ใช่ทางของครูอ้วนเลยไม่มีการประสานงานต่อแต่อย่างใดค่ะ ส่วนรูปที่เห็นคือ มีหนึ่งในทีมงานที่ต่อมาขอนำรูปนี้เพื่อขอใช้ต้อนรับการเข้าไปคุยกันในครั้งนั้นค่ะ ก็ตกใจเช่นกันค่ะ เพราะพอไปถึงไม่คิดว่าจะขึ้นรูปใหญ่และทางการขนาดนี้ หากอยากทราบรายละเอียดที่คุยในวันนั้นสามารถติดต่อมาได้เลยค่ะ ไม่มีอะไรปิดบังแน่นอนค่ะ"

นอกจากนี้ยังมี อดีตนักแสดง คริสโตเฟอร์ เบญจกุล ที่ลงทุนกับดิไอคอนจนแทบหมดตัว ส่วน ไอซ์-ณธษา เวชประสิทธิ์ นักแสดงจากทางช่อง 7 สี ก็มีทางคุณแม่ไปลงทุน ที่ประมาณ 200,000 กว่าบาท นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของคนบันเทิงที่ตอนนี้กล้าที่จะเปิดหน้าชน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อออกมาชี้แจงต่อสังคมเกี่ยวกับปมไปเอี่ยวกับดิไอดอน กรุ๊ป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กเต่า' เผยเตรียมแจ้งข้อหากรรโชกทรัพย์เพิ่มอีกคดี 'สามารถ' บังคับขู่เข็ญบริษัทจ่ายเงินกว่า 5 แสน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ว่า ได้มีการตรวจสอบพบเส้นเงินประมาณ 4-5 แสนบาท ที่เข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ จึงได้เรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำ

ขีดเส้น 'ฟิล์ม รัฐภูมิ' เข้ารับทราบข้อกล่าวหาพยายามกรรโชกทรัพย์ 6 ธ.ค.นี้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ “ฟิล์ม” กรณีคลิปเสียง เรียกรับเงินจากบอสบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป 20 ล้านบาท ว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา

'บิ๊กเต่า' บอก 'สามารถ' ไม่ต้องอดข้าวประท้วง ขอให้สู้ในชั้นศาล หักล้างด้วยหลักฐาน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบ.ช.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับนายสามารถ​ เจน​ชัย​จิตร​ว​นิช​ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ​ (พปชร.)ว่า

'บิ๊กเต่า' เผย ป.ป.ป. เตรียมเอาผิดเพิ่มอีกคดี 'สามารถ' ตบทรัพย์นักธุรกิจ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยถึง 2 คดีสำคัญ ว่า เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) มีผู้ประกอบการรายหนึ่งเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับ พงส.กก.2 บก.ป. กรณีที่ถูกนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช

หาม 'สามารถ' ส่งรพ.ราชทัณฑ์ หลังอดข้าวเกือบ 4 วัน เครียดหนักความดันตก

นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทันฑวิทยา และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่ทนายความของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ส่งตัวนายสามารถ