19 ส.ค.2566 - นายไผ่ ลิกค์ ส.ส. กำแพงเพชร ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและความชัดเจนในการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย(พท.)ว่า ตนยังคงยืนยัน 40 สส.พรรคพปชร.จะโหวตให้นายกฯพรรคพท. และยืนยันเหมือนเดิมคือไม่มีเงื่อนไข รวมถึงต้องพูดกันตรงๆขณะนี้ผู้ใหญ่พรรคพปชร.ได้พูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่พรรคพท.บ้างแล้ว เร็วๆนี้คงมีความชัดเจน เมื่อถามว่า การที่ยังไม่ประกาศร่วมรัฐบาลทางการ ส่วนหนึ่งเพราะโควตารัฐมนตรียังไม่ชัดเจนด้วยหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า ตนว่าคงไม่ใช่พรรคพปชร.จะไปต่อรองโควตารัฐมนตรีหรืออะไร เพราะเราได้พูดหลักการไปแล้ว โหวตนายกฯโดยไม่มีเงื่อนไข เราได้เซ็นเช็คเปล่าไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การที่จะมาต่อรองที่หลังคงไม่มีใครทำกัน จุดประสงค์อย่างที่บอกไปแล้ว อยากจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว และได้คนที่เหมาะสมมาบริหารประเทศ
เมื่อถามว่า แต่หลายพรรคก็ออกมาขอให้พรรคพท.มีความชัดเจนตำแหน่งโควตารัฐมนตรีก่อนโหวตนายกฯ นายไผ่ กล่าวว่า แนวทางปกติก็ต้องเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อวันนั้นการเมืองกำลังจะคิดล็อก การที่เราออกมาวันนั้นก็เหมือนกับเราคลายล็อกทางการเมือง การต่อรองน้อยลง เราคงต้องยืนยันสิ่งที่เราทำและความจริงใจที่เราดำเนินอยู่
ถามว่า หลายคนจับตาความเคลื่อนไหวของพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ที่ยังไม่ประกาศความชัดเจนในฐานะหัวหน้าพรรค นายไผ่ กล่าวว่า อย่างที่เราบอกบางสิ่งบางอย่างตนคงตอบแทนพล.อ.ประวิตรไม่ได้ แต่อยากให้มองว่าไม่อยากให้เปิดประเด็น เพราะประเด็นหลักใหญ่ๆที่ทำให้เกิดการล็อกทางการเมือง เพราะมีวาทะกรรมทางการเมือง ถ้าเราสร้างเรื่องขึ้นมาอีก ก็จะยิ่งทำให้ประเทศเดินไปไม่ได้
ซักว่า แน่นอนประกาศโหวตให้นายกฯพรรคพท.ส่วนเรื่องของตัวบุคคลมีผลต่อการตัดสินใจหรือไม่ นายไผ่ ตอบว่า ตนได้เข้าร่วมประชุมวิป 3 ฝ่าย บรรยากาศในนั้นซอฟท์ลงเยอะ เพราะทุกคนคงรู้ความชัดเจนของตัวเองและทางส.ว. ได้พูดถึงออกมาถึงความกังวลว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงไม่ใช่จะไปบอกในวันนั้น และทางนายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคพท.ได้พูดออกมาชัดเจนเลยว่า เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคพท.และพูดด้วยว่าจะเคลียร์ปัญหาให้ชัดเจนก่อนวันโหวตนายกฯแน่นอน
ถามอีกว่า กังวลหรือไม่ เพราะทางสว. บางส่วนเองยังคงไม่มั่นใจคุณสมบัติของนายเศรษฐา นายไผ่ กล่าวว่า ตนว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งตนได้ไปดูการสัมภาษณ์และข่าวต่างๆในช่วงนี้ทั้งหมดต้องบอกอย่างหนึ่งว่าเท่าที่รู้และเท่าที่ทราบข่าวทั้งหมด และรวมการฟ้องร้องจริงๆปัจจุบันมีแค่เป็นแค่เรื่องการหมิ่นประมาท ระหว่างนายเศรษฐากับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดังเท่านั้น นอกนั้นยังไม่มีคดีตรงไหน และที่สำคัญแค่ยื่นให้มีการตรวจสอบ ซึ่งยังไม่มีอะไรเลย ตามหลักกฎหมายไทยยังถือว่าไม่มีความชัดเจน ยังเป็นแค่คำกล่าว ซึ่งในพรรคพปชร.ก็คุยกัน ถ้าไม่มีอะไรมากกว่านี้ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ตนต้องบอกตรงนี้ก่อนตนเคารพนายชูวิทย์ ไม่ได้มีอะไรกัน
นายไผ่ กล่าวว่า ตนทำอสังหาริมทรัพย์มาก่อนมันเป็นเรื่องของผู้ซื้อผู้ขาย มองเห็นแล้วไม่ใช่เรื่องที่มาตัดสินได้ ถ้าเป็นเรื่องที่ถึงศาลแล้ว โอเคอย่างนั้นเราต้องนำกลับมาดู ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญ ถ้าศาลประทับรับฟ้อง
ถามย้ำว่า ดังนั้นเวลานี้ยังยืนยัน 40 สส.พรรคพปชร.โหวตให้นายเศรษฐาใช่หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า เวลานี้คงต้องเป็นอย่างนั้น ส่วนสว.เองคงต้องการความชัดเจน ซึ่งต้องรอดูฝีมือพรรคพท.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พรรคแตก สลิ่มแยก ทางตันของฝ่ายอนุรักษ์นิยม!
ในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา พรรคอนุรักษนิยม เคยเป็นเสาหลักหนึ่งของการเมืองไทย ทั้งใ
'อดีตรมว.คลัง' ชี้ สงครามภาษี ‘อเมริกา-จีน’ เดือด ‘ทรัมป์’ ติดกับดักหมากรุกแม่เหล็กแร่หายาก ของ ‘สี จิ้นผิง’
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อคว
‘ไผ่ ลิกค์’ วอนฝ่ายเห็นต่าง กม.กาสิโน อย่าเพิ่งกดดัน
ไผ่ ลิกค์ วอน ฝ่ายเห็นต่าง กม.กาสิโน อย่าเพิ่งกดดัน เชื่อ ยังถกหา กม.บังคับใช้ร่วมกันได้ มอง สถานที่ตั้งควรเป็นเมืองรอง
พปชร. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคใต้ มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคโตขึ้น
นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร.แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคใต้ จำนวน 7 ราย ดังนี้ นางฮูวัยดิย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 1 จ.นครศรีธรรมราช นายประจวบเหมาะ ภักดีชน
'รงค์' โบกมือลา 'ลุงป้อม' หลัง พปชร. จ่อส่ง 'น้องสุรินทร์' ลงแทน
'รงค์' โบกมือลา 'บิ๊กป้อม' หลังบอกส่งคนอื่นลง สส.เมืองคอน แทนแล้ว ปัดทิ้งตอนพรรคตกต่ำ เผย 'น้องสุรินทร์ พิศสุวรรณ' ลงแทน
'เด็กบิ๊กป้อม' ไล่บี้บัญชีทรัพย์สิน 'แพทองธาร' กังขาทำนิติกรรมให้รัฐเสียหาย
“พิมพ์พร” ถาม “นายกฯ” บัญชีทรัพย์สิน มีเจตนาผ่องถ่ายทรัพย์สินให้ญาติหรือไม่ กังขาทำนิติกรรมที่อาจทำให้รัฐเสียหายจากรายได้ภาษี