2 ส.ค.2565 - เมื่อ 9.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้กองทัพบก (จำเลย) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่นางหวาน ทองดีนอก (มารดา) โจทก์ที่ 1 และนางสาวธัญญารัตน์ วรรณสถิต (ภรรยา) โจทก์ที่ 2 รวมแล้วเป็นเงินต้นจำนวนเงิน 11.8 ล้านบาท หากคิดรวมดอกเบี้ยตลอดระยะเวลา 7 ปี เป็นเงิน 6 ล้านบาท รวมแล้วจะต้องได้รับค่าสินไหมทดแทนจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 17 ล้านบาท ในคดีหมายเลขดำที่ พ.2580/2559 หรือคดีที่ร้อยตรีสนาน ทองดีนอก เสียชีวิตระหว่างการฝึกอบรมหลักสูตรทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (UKBT) รุ่นที่ 11 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2558 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินคดีนี้แล้วตั้งแต่ปี 2563 ต่อมาจำเลยได้ฎีกา ในวันนี้ศาลฎีกาพิจารณาแล้วมีความเห็นดังต่อไปนี้
เจ้าหน้าที่ทหารหัวหน้าครูฝึกสังกัดหน่วยงานกองทัพบกกระทำการโดยประมาทเลินเล่อต่อผู้ตายหรือไม่ ศาลเห็นว่าการที่ครูฝึกยศพันตรีกระทำการในลักษณะเชิงบังคับให้ผู้ตายว่ายน้ำ ทั้งที่ผู้ตายแสดงอาการให้เห็นอย่างชัดแจ้งแล้วว่าผู้ตายว่ายน้ำต่อไปไม่ไหวอันเป็นการกระทำที่ขาดความระมัดระวังซึ่งเป็นเหตุที่อาจป้องกันได้ จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยที่จำเลยในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดจะนำมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดได้ การกระทำของเจ้าหน้าที่ในสังกัดของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นผลโดยตรงให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นการกระทำต่อผู้ตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ กองทัพบกจึงต้องรับผิด พ.ร.บ. ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง
สำหรับค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆ นั้น เห็นว่าแม้โจทก์ททั้งสองไม่มีพยานเอกสารเป็นใบเสร็จรับเงินเกี่ยวกับค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพมาแสดง แต่ตามรายการค่าดำเนินการเกี่ยวกับการปลงศพผู้ตาย เช่น ค่าดอกไม้ ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าฝากศพ ค่ารถขนศพ เป็นต้น เป็นสิ่งจำเป็นในการปลงศพและจัดงานศพประกอบกับโจทก์ทั้งสองจัดงานศพถึง 2 ครั้ง เพราะมีการเรียกร้องขอให้ชันสูตรศพผู้ตาย 2 ครั้ง จึงมีค่าใช้จ่ายในการปลงศพมากขึ้น ดังนั้นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดจึงเหมาะสมแล้ว
ในส่วนค่าขาดไร้อุปการะที่จำเลยฎีกา ศาลเห็นว่าการที่โจทก์ทั้งสองต่อสู้ว่าผู้ตายอาจจะมีอายุยืนถึง 85 ปี แม้เป็นการคาดการณ์ในอนาคตแต่ก็เป็นการคาดการณณ์ที่เป็นไปได้ และเห็นว่าเรื่องอายุเฉลี่ยของคนไทย เพศชาย ที่จำเลยฎีกาเพื่ออ้างว่าค่าขาดไร้อุปการะที่จำเลยต้องชดใช้สูงเกินไปนั้น เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก ดังนั้นการกำหนดให้โจทก์ได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าขาดไร้อุปการะนับแต่วันเกิดเหตุจนโจทก์ทั้งสองอายุ 85 ปี เป็นค่าขาดอุปการะที่เหมาะสมแล้ว
ค่าขาดแรงงานครัวเรือนของโจทก์ที่ 2 ที่จำเลยฎีกา ศาลเห็นว่า โจทก์ที่ 2 ประกอบกิจการเลี้ยงสุนัขเพื่อจำหน่ายโดยมีการทำเป็นกิจจะลักษณะเพื่อแสวงหากำไร ผู้ตายมีความผูกพันทางกฎหมายในฐานะสามีที่ต้องช่วยเหลือกิจการ เมื่อผู้ตายถูกกระทำการละเมิดจนถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ 2 ต้องขาดแรงงานในครัวเรือน จึงมีสิทธิได้รับค่าสินไหมดแทนเป็นค่าขาดแรงงานถูกต้องแล้ว
หลังจากนี้ กองทัพบก (จำเลย) ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาภายใน 30 มิฉะนั้นอาจถูกบังคับคดีได้ตามกฎหมาย
นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวว่า “คดีนี้ แม้ศาลแพ่งจะให้ความเป็นธรรม แต่พบว่าในการฝึกทหารมักเกิดเหตุความรุนแรงจนมีการร้องเรียนและเป็นข่าวเสมอมาว่า กองทัพต้องพิจารณาทบทวนการฝึกทหารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย จิตใจ บางรายถึงขั้นเสียชีวิตและต้องมีมาตรการรับรองว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก การชดเชยเยียวยาด้วยตัวเงินนี้ต้องมีการไล่เบี้ยกับผู้กระทำความผิดชดใช้คืนแก่กองทัพ รวมทั้งการลงโทษทางวินัยก็ต้องให้สมควรแก่ความร้ายแรงและต้องดำเนินการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษทางอาญาก็ไม่ควรละเว้น กฎหมายไทยยังมีปัญหาเรื่องการดำเนินคดีอาญากับทหารที่กระทำความผิด เพราะระบบศาลทหารในคดีอาญาเช่นนี้ต้องดำเนินคดีในศาลทหารย่อมเป็นการยากที่ประชาชนจะดำเนินการเองได้ เนื่องจาก พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นโจทก์หรือโจทก์ร่วมในการดำเนินคดีอาญาในศาลทหาร”
นางสาวพรเพ็ญ กล่าวว่าคดีนี้ครอบครัวของผู้ตายได้ใช้ระยะเวลาต่อสู้ในชั้นศาลมามากกว่า 7 ปีนับแต่วันที่ร้อยตรีสนานเสียชีวิต แม้ในวันนี้ครอบครัวจะได้รับเงินเยียวยา แต่ครอบครัวของเหยื่อก็ไม่สามารถได้บุตรชาย สามี หรือสมาขิกในครอบครัวอันเป็นที่รักกลับคืนมาได้ เพราะความประมาทเลินเล่อของผู้บังคับบัญชา เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครอีกและผู้กระทำความผิดควรได้รับการลงโทษจากหน่วยงานต้นสังกัดต้องมีมาตรการเชิงลงโทษและป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อีกต่อไป มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ติดตามว่าครูฝึกที่กระทำการประมาทเลินเล่อนี้จะมีการลงโทษในคดีอาญาหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121 ล้าน สร้างรั้วชายแดน บังเกอร์ หลุมหลบภัย ถนนตรวจการณ์
ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิง
'ผบ.ทสส.' สั่ง ศป.กฉ.ส่วนหน้า 8 ข้อ เร่งฟื้นฟู 'หาดใหญ่'
'ผบ.ทสส.' สั่ง ศป.กฉ.ส่วนหน้า 8 ข้อ จัดระเบียบ ‘ศูนย์พักพิง-การแพทย์’ เร่งเปิดระบบ ‘ไฟฟ้า-ประปา’ แจกถุงยังชีพ-อาหาร มาตรการ รปภ. เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิต ตั้งจุดรวบรวมขยะ 4 พื้นที่ ย้ายยานพาหนะกีดขวาง
กองทัพบก น้อมรับพระราชกระแส 'ในหลวง' พระราชทานโดรนช่วยอุทกภัยภาคใต้
กองทัพบกน้อมรับพระราชกระแส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรง พระราชทานความห่วงใย กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ และพระราชทานอากาศยานไร้คนขับ เพื่อช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
ทบ. ชี้เหตุชายจีนเหยียบระเบิด สะท้อนเขมรวางทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ร่วมมือเก็บกู้
ทบ. ชี้เหตุชายจีนเหยียบระเบิด สะท้อนปัญหาทุ่นระเบิดชายแดน ชี้กัมพูชายังวางต่อเนื่องไม่ร่วมมือเก็บกู้ กระทบความปลอดภัยประชาชน
ทบ. ส่งทหารช่างกองพลพัฒนา 4 ลุยหาดใหญ่ เร่งฟื้นฟูทันทีหลังน้ำลด
กองทัพบกระดมกำลังพล-ยานพาหนะ-เครื่องมือช่าง เข้าฟื้นฟูหาดใหญ่ทันที หลังระดับน้ำลด เน้นเคลียร์ถนนสำคัญ คอหงส์ พร้อมเดินหน้าสำรวจซ่อมบ้านเรือนสาธารณูปโภค และเร่งช่วยชาวบ้านในจุดได้รับผลกระทบ
ผบ.ทบ. สั่งหน่วยทหารเร่งช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ เสริมกำลังพล-ยุทโธปกรณ์ให้เต็มที่
ผบ.ทบ.ประชุม นขต.ทบ.หลังคุยร่วมรัฐบาลแก้ไขปัญหาอุทกภัยภาคใต้ เร่งสั่งการหน่วยทหารสนับสนุนศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกลาโหมส่วนหน้าเข้าช่วยเหลือประชาชน /พร้อมให้ กองกำลังชายแดน ทภ.1-ทภ.2 เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

