บี้ ศธ. จับมือ ขบ. คุมเข้ม 'รถโรงเรียน' ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย

2 ก.ย. 2565 – นางสาวธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์นโยบาย พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเหตุการณ์เด็กนักเรียนระดับชั้น ป. 2 ในจังหวัดชลบุรี ถูกลืมและติดอยู่ภายในรถตู้รับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียนจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในที่สุดว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้ปกครองของเด็กนักเรียนทีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจากความประมาทเลินเล่อที่สามารถป้องกันได้ และขอเรียกร้องให้มีการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียน ทั้งในส่วนของตัวรถ และคุณภาพของคนขับรถและผู้ควบคุมฯ รถรับ-ส่งฯ อย่างเร่งด่วน

เหตุการณ์ลืมเด็กไว้บนรถรับ-ส่งนักเรียนนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากสถิติของศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ระบุว่าระหว่างปี 2557-2563 ประเทศไทย เกิดเหตุลืมเด็กในรถรวมทั้งสิ้น 129 คน เฉลี่ยปีละ 18 คน ส่วนกรณีที่เด็กเสียชีวิตมากที่สุดเกิดขึ้นบนรถตู้หรือรถรับ-ส่งนักเรียน รวม 5 คน หรือเฉลี่ยปีละ 1 คน โดยการลืมเด็กไว้ในรถถือเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อน การติดอยู่ในรถเพียง 5 นาที เด็กจะอยู่ในสภาพที่ร้อนจนทนไม่ได้ และถ้านานถึง 30 นาที จะทำให้เด็กจะเกิดภาวะเลือดเป็นกรด ช็อก หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด

แม้ว่าตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. 2562 จะกำหนดให้มีผู้ควบคุมดูแลนักเรียน ทำหน้าที่ตรวจสอบจํานวนนักเรียนที่รับ-ส่งแต่ละเที่ยวให้ถูกต้องครบถ้วน และประจำอยู่กับรถรับ-ส่งฯ ตลอดเวลาเพื่อควบคุมดูแลและช่วยเหลือนักเรียนให้เกิดความปลอดภัยขณะเดินทาง แต่หลายครั้งที่สาเหตุของเหตุการณ์อันน่าสลดใจเกิดจากการที่คนขับและผู้ควบคุมฯ ไม่ได้ตรวจสอบรถรับ-ส่งฯ อย่างละเอียด จนทำให้เด็กติดค้างอยู่ในรถ และส่วนใหญ่รถรับ-ส่งฯ มักจอดในบริเวณที่ห่างไกลเมื่อไม่ได้ใช้งาน หากมีเด็กติดค้างอยู่ในรถอาจจะขอความช่วยเหลือได้ยาก

นางสาวธิดารัตน์ กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกได้ ไม่ใช่แค่เพียงการหามาตรการเพื่อตรวจเช็กเด็กนักเรียนทั้งไปและกลับ แต่อุบัติเหตุจากรถรับ-ส่งฯ นั้นมีหลายรูปแบบมาก ไม่เพียงเฉพาะกรณีเด็กติดค้างภายในรถ แต่รวมไปถึงอุบัติเหตุรูปแบบอื่นๆ อย่างรถชนหรือพลิกคว่ำ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำเช่นเดียวกัน มาตรการจึงควรเป็นการยกระดับการกวดขันความปลอดภัยของรถรับ-ส่งฯ ทั้งระบบ ซึ่งมาตรฐานของรถรับ-ส่ง คนขับรถและผู้ควบคุมฯ ควรเข้าไปอยู่ภายใต้การควบคุมโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่อนุญาตให้หน่วยงานอื่นๆ เข้าไปตรวจสอบมาตรฐานได้ อย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา จีน และเกาหลีใต้

กระทรวงศึกษาธิการจึงควรร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อบังคับให้คนขับรถและผู้ควบคุมฯ รถรับ-ส่งฯ ทุกคน ต้องสอบใบอนุญาตเฉพาะสำหรับคนขับรถและผู้ควบคุมฯ ในรูปแบบเดียวกับใบขับขี่รถสาธารณะ ที่ผู้ขับขี่ต้องอบรมระเบียบความปลอดภัยและสอบต่ออายุทุกปี รวมไปถึงมีโอกาสที่จะถูกยึดใบอนุญาตฯ หากทำผิดระเบียบหรือเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุ คนขับรถและผู้ควบคุมฯ รถรับ-ส่งฯ จำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายไปด้วย

อีกส่วนหนึ่งคือการปรับปรุงมาตรฐานของรถรับ-ส่งฯ ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยอาจร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ปรับปรุงรถที่มีจำหน่ายอยู่เดิมให้เป็นมาตรฐานสำหรับเป็นรถรับ-ส่งฯ โดยเฉพาะ เช่น ออกแบบโครงสร้างให้ซับแรงกระแทกเมื่อถูกชนท้าย มีทางออกฉุกเฉินที่ออกแบบมาให้เด็กสามารถเปิดออกได้ง่าย ระบบล็อกและปลดล็อกกลอนประตูอัตโนมัติ ระบบติดตามพิกัด และสัญญาณเตือนเมื่อมีคนติดค้างภายในรถยนต์ เป็นต้น ทั้งยังต้องบังคับให้มีการตรวจสภาพรถรับ-ส่งฯ ในทุกภาคเรียน เพื่อรับประกันว่ารถที่ไม่ผ่านมาตรฐานจะไม่ถูกนำออกมาให้บริการ ซึ่งกระทรวงฯ หรือหน่วยงานท้องถิ่นจำเป็นต้องอุดหนุนให้โรงเรียนสามารถจัดหารถที่ได้มาตรฐานมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นฤมล' ยันดูแล 'นร.-ครอบครัว' ประสบภัยน้ำท่วมสำคัญสุด เร่งฟื้นฟูโรงเรียนทุกแห่ง กลับสู่ภาวะปกติ

‘รมว.นฤมล’ ลุยฟื้นหาดใหญ่หลังน้ำลด สั่งเร่งกู้โรงเรียนเสียหายหนัก ตั้ง 50 ศูนย์ Fix It ช่วยซ่อมของประชาชนกว่า 1 หมื่นคัน ย้ำ จะเคียงข้าง ปชช.จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ

คุณหญิงสุดารัตน์ วิงวอน ‘โปรดใช้หัวใจฟังความทุกข์ที่แสนสาหัสของพี่น้อง’

หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ ลงพื้นที่ ม.อ. สงขลานครินทร์ ฟังความเจ็บปวดผู้อพยพกว่า 9,000 ราย หลายคนติดหลังคา-แช่น้ำนานหลายวัน เล่านาทีเอาชีวิตรอด วอนนายกฯ เร่งเยียวยาตามความเสียหายจริง

“รมว.นฤมล”นำถก บอร์ด ก.ค.ศ. ไฟเขียว ย้ายครูปี 69 ไม่สะดุด ใช้เกณฑ์เดิม “ว 18/2566” ชั่วคราว ระหว่างพัฒนาระบบ TRS ระยะที่ 3 คุมเข้มการย้ายครู ต้องโปร่งใสทุกขั้นตอน

วันที่ 27 พ.ย. 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 10/2568 ว่า จากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคของพี่น้องข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ผ่านมา การเก็บข้อมูลเชิงวิจัย รวมทั้งการหารือร่วมกับคณะกรรมการในที่ประชุม

‘รมว.นฤมล’ หารือ CLEC จีน กระชับความร่วมมือด้านภาษาจีน-อาชีวศึกษา ดันทุนครูไทย เพิ่มห้องเรียนขงจื่อ พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล

ศ.ดร.นฤมล ได้นำเสนอนโยบายและทิศทางการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย พร้อมเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย–จีน และความสำคัญของการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ภาษาจีนให้ทันสมัยและตอบโจทย์อนาคต

'นฤมล' ลงพื้นที่ จ.พัทลุง ขับเคลื่อน 'เรียนดี มีคุณธรรม' แก้หนี้ครู 1 แสนล้าน

รมว.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง ตรวจเยี่ยมการศึกษาในพื้นที่ โดยได้เดินทางไปยังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุงตรวจเยี่ยมการจัดการศึกษาตามนโยบาย เรียนดี มีคุณธรรม