
17 ต.ค. 2565 – นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ และรองโฆษกสภาทนายความ ให้ความเห็นกรณีที่นายกัน จอมพลัง ให้ความช่วยเหลือเด็กอายุ 14 ปี ถูกพ่อซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นทำร้ายร่างกาย เพราะจับได้ว่าแต่งหญิง โดยเด็กหนีออกจากบ้านมา 2 วันแล้ว ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า ในปี พ.ศ.2562 มีการออกกฎหมายฉบับหนึ่งออกมาคือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 โดยมาตรา 3 ระบุว่า ให้ยกเลิก พ.ร.บ.ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวพ.ศ.2550 ซึ่งคือกฎหมายที่คนรู้จักในปัจจุบันนี้ ในปี 2562 ได้ยกเลิกไปแล้ว เเละให้ใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัวนี้เเทน ซึ่งเป็นกฎหมายที่คนทั่วไปไม่ค่อยคุ้นเคย
กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญเพื่อใช้บังคับเกี่ยวกับความคุ้มครองความรุนเเรงในครอบครัว เป็นลักษณะเชิงลงโทษทางปกครองมากกว่า ไม่มีบทบัญญัติระบุว่าถ้ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายฉบับนี้ เเละเป็นในครอบครัว เช่นพ่อกระทำต่อแม่ พ่อกระทำต่อลูก แม่กระทำต่อพ่อ แม่กระทำต่อลูก แล้วก็ต้องมีโทษถึงขั้นจำคุก ไม่มีในกฎหมายฉบับนี้ แต่จะเป็นบทบัญญัติเป็นเชิงการเยียวยา การลงโทษทางสังคมมากกว่า โดยให้มีหน่วยงานหน่วยหนึ่งขึ้นมาเพื่อการเยียวยาปัญหาในครอบครัว นั่นก็คือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะเรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งจะใช้กฎหมายทั่วไปมาแก้ไขปัญหาทางครอบครัวจะไม่สามารถบรรลุผลได้และเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
กฎหมายนี้เป้าหมายคือ การเข้าไปฟื้นฟูสภาพจิตใจของทั้งฝ่ายผู้ถูกกระทำเเละผู้กระทำโดยให้ พม. เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดการเรื่องนี้ ก็จะใช้อำนาจในการปกครองโดยอาศัยศาลเยาวชนและครอบครัว หรือศาลเด็กที่เรารู้จักกัน กรณีดังกล่าวนี้ถ้าระบุชัดว่ามีการกระทำดังกล่าวนั้นจริงแล้ว เด็กผู้ถูกกระทำมีสภาพจิตใจที่บอบช้ำและเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปสู่อ้อมอกของพ่อแม่ เพราะเขากลัวว่าจะถูกพ่อซึ่งไม่เข้าใจสภาพจิตใจเขาทำร้ายเขาอีก พม.ก็จะเข้าไปช่วยเยียวยา รวมทั้งออกมาตราการกำหนดไม่ให้พ่อมีพฤติกรรมที่จะลงโทษบุตรในความรุนเเรงนั้นอีก ตรงนี้จะเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา ซึ่งตนคิดว่าถูกจุดมากกว่าการที่ไปเอากฎหมายอาญามาบังคับใช้
เมื่อถามว่าเเบบนี้เท่ากับบิดาที่ก่อเหตุจะไม่ถูกลงโทษอาญาใช่หรือไม่ นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า บุตรจะไม่สามารถดำเนินคดีกับบุพการีได้ ในกรณีนี้กฎหมายบอกว่าตามมาตรา1562 ผู้ใดจะฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญามิได้ แต่เมื่อผู้นั้นหรือญาติสนิทของผู้นั้นร้องขออัยการ จะยกคดีขึ้นว่ากล่าวก็ได้ จะบอกว่าบิดาจะไม่ถูกดำเนินคดีเลยหรือไม่ก็ไม่ใช่ ก็อยู่ที่ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐคือพนักงานอัยการ โดยใช้ช่องทางที่ให้บุตรหรือญาติสนิทนั้นมาร้องขออัยการ
เเต่การที่จะเอามาตรการทางกฎหมายอาญามาดำเนินคดีกับพ่อ ต้องอย่าลืมความเป็นพ่อลูก แม้การกระทำของพ่อจะรุนแรงแค่ไหน หรือทำให้บอบช้ำเพียงใด แต่โดยสายเลือดมันตัดกันไม่ขาด ตนไม่สนับสนุนให้มีการดำเนินคดีอาญากับพ่อ แต่สงเสริมให้ใช้มาตรการส่งเสริมและพัฒนาสถาบันครอบครัวพ.ศ.2562มาดำเนินการแก้ไขเยียวยา มันมีช่องทางอีกมาก
ซึ่งตำรวจอาจจะเชิญพ่อมาลงบันทึกประจำวันว่าเรื่องนี้อาจจะคาดโทษไว้ เพราะพนักงานสอบสวนถือเป็นผู้รักษากฎหมายของแผ่นดิน ฉะนั้นต่อให้ไม่มีใครมากล่าวโทษร้องทุกข์ แต่ถ้าพนักงานสอบสวนปรากฎความผิดประจักษ์แล้วเป็นความผิดยอมความไม่ได้ พนักงานสอบสวนก็มีอำนาจที่จะสร้างสำนวนขึ้นได้ด้วยตัวเองภายหลัง
เมื่อถามว่าหากพนักงานสอบสวนทราบเรื่องเเล้วไม่ดำเนินคดีจะโดนโทษฐานละเว้นหรือไม่ นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องของฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าพนักงานก็มีเหตุผลที่จะไม่ดำเนินการทางคดี คือถ้าจะไปถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าพนักงานรู้เห็นแล้วไม่ดำเนินการถือว่าละเว้นฯ เป็นมาตรา 157 หมด คิดว่าก็ไม่เป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ สังคมอย่าไปบีบคั้นให้เจ้าหน้าที่ต้องฝืนใจ เพราะเป็นปัญหาภายในครอบครัว แล้วเรามี พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว2562 ใช้บังคับแล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อน เจ้าหน้าที่อาจจะอึดอัดมาก ก่อนที่จะมีกฎหมายเหล่านี้
“ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่แม่จำเป็นต้องลักทรัพย์ถ้าเพื่อมาเลี้ยงลูกที่ใกล้จะอดตาย อันนี้เคยมีกรณีตัวอย่างที่อัยการสูงสุดใช้อำนาจในการสั่งไม่ฟ้อง เพราะนี่คือมาตราการทางสังคม ที่ผมคิดว่าการบังคับใช้กฎหมายผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายต้องมีศีลธรรมในใจต้องมีจริยธรรม ไม่ใช่ว่าตีกฎหมายแบบตรงไปตรงมา สิ่งต่างๆ สังคมไทยเราต้องเรียนรู้ไปด้วยกันมันเป็นเรื่อละเอียดอ่อนในครอบครัว” นายวีรศักดิ์ ระบุ
รองโฆษกสภาทนายความ กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากฝากถึงสื่อมวลชนด้วยความเป็นห่วงว่า เรื่องนี้มีเด็กเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งก็จะมีกฎหมายคุ้มครองเด็กฯ การนำเสนอข่าวต้องพึงระมัดระวัง เพราะในมาตรา 27 บัญญัติไว้ว่า การนำเสนอเปิดเผยชื่อที่อยู่ของเด็กหรือบุคคลใกล้ชิดให้ทราบไม่ได้ อย่างกรณีที่เเม้จะปิดชื่อเด็กเเต่ไปบอกชื่อพ่อเด็กก็ทำไม่ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
นายกฯขอดูพื้นที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังจว.อื่นกังวลไม่ครอบคลุมเยียวยา 2 ล้าน
ที่บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นำคณะ เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมกระเช้าปีใหม่สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศา
น้ำลดให้รีบตัก! ‘หัวหน้าเท้ง’ สอนวิธีเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่ 9 พันน้อยไป
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความว่าอย่าผลักภาระให้ประชาชนต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อรับการเยียวยา น้ำท่วมใต้ครั้งนี้สาหัส พวกเขาสูญเสียมากเกินไปแล้ว
พอกันที-น้ำท่วมปีนี้ เยียวยาปีหน้า! โอนแล้ว 9 พันบาท ช่วยผู้ประสบภัย
มหาดไทย–ปภ. ร่วมออมสิน โอนเยียวยา 9,000 บาท ให้ 26,571 ครัวเรือนในสงขลา สตูล ปัตตานี “ภราดร” ลั่นปีนี้ไม่ซ้ำรอยเดิม น้ำลดเพียง 3 วันก็จ่ายถึงมือ ประกาศชัดรัฐบาลตอบประชา
มาดุ! 'บิ๊กเกรียง' ฉะคนปล่อยเฟคนิวส์ หาน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะเอาหัวเสียบประจาน
'บิ๊กเกรียง' รับมอบของบริจาคช่วยอุทกภัย ฉะ คนปล่อยเฟคนิวส์ หาว่าน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะหัวเสียบประจาน ถามเอาจากไหนมาพูด บอก เสียหาย ถ้าเล่นการเมืองกัน ทำขวัญของประชาชนตกต่ำ ให้กำลังใจ 'นายกฯอนุทิน-รัฐบาล' เชื่อทำตามแผนฟื้นฟู-เยียวยาอยู่แล้ว
'อนุทิน' ถึงหาดใหญ่ 'นายกฯแป้น' โผล่ประกบ จ่อช่วยเงินกู้ดอกเบี้ย 0 %
นายกฯถึงหาดใหญ่ ‘นายกฯแป้น’โผล่รับร่วมคณะก่อนขึ้นรถยกสูงเข้าพื้นที่ -ลงเดินแจกอาหาร-ยารักษาโรคถึงหน้าบ้าน พร้อมให้กำลังใจ ย้ำอย่าลืมลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 9 พัน


