นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงเวทีผู้นำเอเชีย-ยุโรป เชื่อมั่นกลไกพหุภาคีนิยมนำพาโลกพ้นวิกฤติ

25 พ.ย.2564 - เวลา 15.05 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในฐานะผู้ประสานงานกลุ่มอาเซียน สำหรับพิธีเปิดการประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 13 (The 13th ASEM Summit: ASEM13) ผ่านระบบการประชุมทางไกล 

โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในฐานะเจ้าภาพได้กล่าวถึงการประชุมภายใต้หัวข้อหลักคือ “Strengthening Multilateralism for Shared Growth” ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ภายหลังโควิด-19 ที่ต้องมุ่งสร้างพหุภาคีนิยมที่เข้มแข็งและยั่งยืน การประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้ผู้นำยืนยันถึงความสำคัญของการเป็นหุ้นส่วนของทั้งสองภูมิภาค ส่งเสริม ASEM ในเวทีโลก เพื่อรับมือกับประเด็นระหว่างประเทศ ซึ่งกัมพูชายืนยันให้ความสำคัญกับการรักษาความร่วมมือในกรอบ ASEM
 
นายธนกรกล่าวว่า ด้านนายกรัฐมนตรีได้กล่าวยินดีในโอกาสครบรอบ 25 ปีของการจัดตั้งการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรือASEM ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียนที่กรุงเทพมหานคร จากหัวข้อหลักของการหารือเรื่อง “การเสริมสร้างพหุภาคีนิยมเพื่อการเติบโตร่วมกัน” ไทยเชื่อมั่นว่าพหุภาคีนิยมเป็นหัวใจสำคัญของความร่วมมือที่จะนำพาโลกผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ ซึ่งความร่วมมือพหุภาคีไม่ใช่แค่การมารวมตัวกันเพื่อหารือ แต่ต้องมีความร่วมมือที่จับต้องได้บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมของประเทศสมาชิก ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจึงได้นำเสนอความร่วมมือ 5 ด้านตามแนวทาง 5P ของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ของสหประชาชาติ ดังนี้ประการที่ 1 People ต้องสร้างความมั่นคงให้แก่ประชาชน ASEM กว่าสี่พันล้านคน ทั้งในด้านสุขภาพ ความกินดีอยู่ดี และความปลอดภัยในชีวิต ยึดหลักประชาชนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รวมถึง ต้องเร่งการกระจายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเท่าเทียม ทั่วถึง และรวดเร็ว และส่งเสริมหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประการที่ 2 Partnership เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมระหว่างกัน บนพื้นฐานความเชื่อใจ เคารพซึ่งกันและกัน และมีผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้ง การเสริมสร้างหุ้นส่วนพหุภาคีต่าง ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต ภายใต้กรอบองค์การระหว่างประเทศ ประการที่ 3 Peace ความร่วมมือระหว่างกันของ ASEM จะต้องเสริมสร้างบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เอื้อต่อสันติภาพ และป้องกันไม่ให้เกิดการแข่งขันหรือความขัดแย้งระหว่างประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ที่อาจบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งระดับโลกได้ประการที่ 4 Prosperity ต้องเติบโตร่วมกัน โดยยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีบนกฎกติกาขององค์การการค้าโลก ให้ความสำคัญกับการปรับตัวสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยเฉพาะ upskill และ reskill ของภาคแรงงาน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจน เสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก และประการที่ 5 Planet ต้องร่วมมือกันรักษาโลกใบนี้ โดยใช้แนวทางการสร้างสมดุลในการพัฒนา เพื่อให้ทุกประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี ค.ศ. 2030นายธนกร กล่าวด้วยว่า ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความหวังว่า การประชุมครั้งนี้จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิด เพื่อโลกที่มีความสมดุล สงบ สันติ มั่งคั่ง และยั่งยืน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

นายกฯ ร่วมผู้นำ 17 ประเทศ แถลงเรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วันนี้ ผมร่วมกับผู้นำ 17 ประเทศที่มีตัวประกันที่ยังอยู่ในกาซา ออกถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด

รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร

รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย