นายกฯ หารือทูตสวิสด้านเศรษฐกิจ-สิ่งแวดล้อม-การศึกษา

นายกฯ หารือ เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ ย้ำความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้น พร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยว

01 มี.ค.2566 - ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเปโดร สวาห์เลน (H.E. Mr. Pedro Zwahlen) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

โดยนายกฯ กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทยในโอกาสเข้ารับหน้าที่ พร้อมทั้งชื่นชมความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับสมาพันธรัฐสวิส โดยทั้งสองฝ่ายได้ฉลองโอกาสครบรอบ 90 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ไปเมื่อปี 2564 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในทุกระดับมาโดยตลอด แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พร้อมทั้งยืนยันความตั้งใจที่จะร่วมมือกับเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ อย่างเต็มที่ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันสำหรับประชาชนทั้งสองประเทศ

เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ ขอบคุณนายกฯ ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่สวยงาม พร้อมทั้งชื่นชมบทบาทนายกรัฐมนตรีในการบริหารจัดการการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี และเป็นเวทีที่สามารถผลักดันโมเดลเศรษฐกิจ BCG ให้เป็นเป้าหมายสำคัญที่ผู้นำเขตเศรษฐกิจร่วมกันรับรอง นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสมาพันธรัฐสวิสที่มีความใกล้ชิดกันในทุกระดับ และพร้อมที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้นในทุกมิติ

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ นายกฯ รียินดีที่สมาพันธรัฐสวิสเป็นประเทศหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทยในยุโรป และมีบริษัทชั้นนำกว่า 150 บริษัท เข้ามาลงทุนในไทย อย่างไรก็ดี นายกฯ เห็นว่า ไทยและสมาพันธรัฐสวิสยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยเชิญชวนนักลงทุนจากสมาพันธรัฐสวิสเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในสาขาที่ทางสมาพันธรัฐสวิสมีความเชี่ยวชาญ พร้อมกันนี้ นายกฯ ขอบคุณสมาพันธรัฐสวิสที่สนับสนุนการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) มาโดยตลอด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุผลการเจรจาได้โดยเร็ว ทางด้านเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสเห็นพ้องว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก โดยพร้อมผลักดันการฟื้นการเจรจา EFTA ให้สำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน

ด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและสมาพันธรัฐสวิสได้ลงนามข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสร่วมกัน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ซึ่งครอบคลุมการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันดำเนินโครงการรถขนส่งมวลชนไฟฟ้าในประเทศไทย (e-bus) ซึ่งจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาและถ่ายทอดทางเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งสู่การขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังสะท้อนความร่วมมือด้านถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศคู่แรกของโลกภายใต้ความตกลงปารีส และเป็นการย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการขับเคลื่อนเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามที่ได้ประกาศไว้ต่อประชาคมโลก ทั้งนี้ นายกฯ ขอให้ทางสมาพันธรัฐสวิสเพิ่มพูนความร่วมมือกับไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิต และการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหา PM2.5 ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ ตลอดจนดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังมาโดยตลอด

ทางด้านเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสยินดีที่ไทยให้ความสำคัญในการผลักดันประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม โดยทางสมาพันธรัฐสวิสต้องการสนับสนุนการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมในไทยเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกรไทย โดยเฉพาะการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่นายกรัฐมนตรีผลักดัน อาทิ การทำเกษตรแนวใหม่ Smart Farming และเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทย

ด้านการท่องเที่ยวทั้งสองฝ่ายยินดีที่ประชาชนทั้งสองประเทศ แลกเปลี่ยนการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น นายกรัฐมนตรีขอให้ฝ่ายสมาพันธรัฐสวิสฯ สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวชาวสวิสเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากขึ้น

ด้านการศึกษา นายกฯ ชื่นชมศักยภาพด้านการศึกษาของสมาพันธรัฐสวิสที่แข็งแกร่ง โดยไทยต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีจากทางสมาพันธรัฐสวิส พร้อมขอให้เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ สนับสนุนความร่วมมือทางด้านการศึกษาระหว่างกันมากขึ้น

ในตอนท้าย นายกฯ ได้หยิบยกประเด็นที่ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Expo 2028 - Phuket, Thailand ภายใต้หัวข้อ “Future of Life: Living in Harmony, Sharing Prosperity” มุ่งนำเสนอแนวทางการจัดการปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยขอให้สมาพันธรัฐสวิสพิจารณาให้การสนับสนุน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!

โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย

'เศรษฐา' ต้อนรับนายกฯ กีวีเยือนไทยอย่างเป็นทางการ

นายกฯ หารือทวิภาคี นายกฯ นิวซีแลนด์ ย้ำความสัมพันธ์ไทย - นิวซีแลนด์ เกือบ 7 ทศวรรษ เดินหน้าความร่วมมือด้านการศึกษา และการท่องเที่ยว ยกระดับความสัมพันธ์