นายกฯ ชื่นชม มช. เปิดตัว builds โปรแกรมปั้นสตาร์ทอัพในรั้วมหาวิทยาลัย

19 ส.ค.2566 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ชื่นชมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้เปิดตัวโปรแกรม “builds” ซึ่งเป็นโครงการที่จะสนับสนุนให้นักศึกษาทุกชั้นปีในมหาวิทยาลัยสามารถเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพได้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ด้วยการนำงานวิจัยในมหาวิทยาลัยมาต่อยอดเป็นธุรกิจต่างๆ

เกิดการลงทุน การจ้างงานสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือ ด้วยเป้าหมายภายในปี 2569 จะสร้างนักศึกษาที่สนใจเป็นสตาร์ทอัพ 4,200 คน เกิดทีมสร้างสรรค์ไอเดียธุรกิจไม่น้อยกว่า 600 ทีม และตั้งธุรกิจไม่น้อยกว่า 240 บริษัท มีการจ้างงาน 3,600 คน สร้างรายได้มากกว่า 4,500 ล้านบาท เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจภาคเหนืออีก 8,100 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าโครงการฯ จะเป็นกำลังสำคัญช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจคลัสเตอร์สำคัญๆ ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ตลอดจนเป็นต้นแบบให้สถาบันการศึกษาในภาคอื่นๆ ในการสร้างผู้ประกอบการเพื่อขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจแต่ละภูมิภาคได้เติบโตได้อย่างยั่งยืนด้วยการวิจัยและพัฒนา

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่13 ซึ่งแบ่งการพัฒนาเป็น 2 ส่วน คือ เศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 เขต และระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ประกอบด้วย 1)ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) ครอบคลุม จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และลำปาง

2)ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(NeEC) ครอบคลุมจังหวัด นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย 3)ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก(CWEC) ครอบคลุมจังหวัด พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรีและกาญจนบุรี และ 4)ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ครอบคลุมพื้นที่ จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษธานี และนครศรีธรรมราช

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ โดยดึงทุกภาคส่วนเข้ามาสนับสนุน อาทิ มาตรการส่งเสริมการลงทุนทั้งที่เป็นมาตรที่เป็นภาษีและไม่ใช่ภาษี สนับสนุนงบวิจัยและพัฒนา ดึงสถาบันการศึกษาในพื้นที่เข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้และการวิจัย ซึ่งกรณีของ NEC ในภาคเหนือ รัฐบาลสนับสนุนให้เป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักของประเทศ มีคลัสเตอร์เป้าหมายเป็นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น บริการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เขตอุตสาหกรรมภาพยนตร์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มช. ติดอันดับโลกเพิ่มขึ้นอีก 3 สาขาวิชา รวมเป็น 13 สาขาวิชา มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ติดอันดับโลกในสาขาวิชาเฉพาะ (Narrow Subjects) จำนวน 13 สาขาวิชา จาก 55 สาขาวิชา และสาขาวิชาหลัก (Broad Subjects) ทั้ง 5 สาขาวิชา มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกรายสาขาวิชา ประจำปี 2024 โดย QS World University Rankings

มช. เปิดตัวเว็บไซต์ แสดง Dashboard ระบบการเฝ้าระวังโรคที่เป็นผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นพ.สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหัวหน้าโครงการวิจัย

มช. เปลี่ยนการเผาเป็นพลังงานสะอาด พัฒนาชีวมวลจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ทดแทนการใช้ถ่านหิน ลดมลพิษ เพิ่มโอกาสแก่ชุมชน

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ เดินทางไปยังอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่เพื่อสาธิตวิธีการใช้เครื่องต้นแบบ Torrefactor และ Pyrolyzer นำทีมโดย ศาสตราจารย์ ดร.นคร ทิพยาวงศ์

เปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวข้าวหรือ “โรงเรียนโรงสีแห่งแรก” ของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่บริษัท ยนต์ผลดี จำกัด จ.นครสวรรค์ มีพิธีเปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวข้าว มี ดร.วิสูตร จิตสุทธิภากร ตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท ยนต์ผลดี จำกัด