'อนุทิน' ถกบอร์ดนิวเคลียร์! ลุยออกกฎหมายพัฒนาให้เต็มรูปแบบ

'อนุทิน' ประชุมบอร์ดนิวเคลียร์เพื่อสันติผลักดันกฎหมายแผนพัฒนานิวเคลียร์ของประเทศให้เกิดการบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อความปลอดภัยของประชาชน และสิ่งแวดล้อม

20 ธ.ค.2566 - ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ครั้งที่ 3/2566 พร้อมด้วย น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, รศ.ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นางเพ็ญนภา กัญชนะ รองเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นเลขานุการในคณะกรรมการ โดยมีผู้แทนกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการประชุมว่า นายอนุทิน กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งคณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบายและมาตรการต่อคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ รวมทั้ง การกำกับดูแลนิวเคลียร์และรังสี เพื่อความปลอดภัยและเพื่อประโยชน์ของประชาชนและสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันให้เกิดการบูรณาการทุกภาคส่วนเพี่อการพัฒนาประเทศ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน อีกทั้ง ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงวางระเบียบและควบคุมดำเนินกิจการให้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในใบอนุญาตที่ออกตามกฎหมายนี้ รวมทั้งกำหนดแผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ซึ่งเป็นแผนสนับสนุนและอยู่ภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นต้น

โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวัสดุนิวเคลียร์ที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ พ.ศ. .... ที่กำหนดให้ยูเรเนียมด้อยสมรรถนะที่มียูเรเนียม 235 ต่ำกว่า 0.5% ลงมาและมีปริมาณตั้งแต่ 20 ตันขึ้นไป เป็นวัสดุนิวเคลียร์ที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ ซึ่งร่างดังกล่าวจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป พร้อมกันนี้ ที่ประชุมเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ ระยะที่ 2 พ.ศ. 2566 – 2570 เพื่อเป็นกรอบในการขับเคลื่อนและบูรณาการด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ และได้จัดทำแผนปฏิบัติการของนโยบายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ ระยะ 5 ปี พ.ศ. 2560 - 2564 (ขยายเพิ่มขึ้นถึงปี พ.ศ. 2565) โดยในปัจจุบันได้สิ้นสุดระยะเวลาแผนปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว ดังนั้น สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ ระยะที่ 2 พ.ศ. 2566-2570 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการกำหนดเป้าหมายในระยะที่ 2 พ.ศ. 2566 - 2570 ออกแบ่งเป็น 2 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ อาทิ ด้านการเกษตร ด้านโภชนาการ ด้านการแพทย์ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้ายอุตสาหกรรม และด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม 2.ด้านการกำกับดูแลความปลอดภัยและสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ แบ่งออกเป็น ด้านความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี ซึ่งการจัดทำร่างดังกล่าวให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์และรังสีของประเทศให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบรายงานการดำเนินงานเชิงรุกของประเทศไทยในการเฝ้าระวังความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี กรณีที่มีการระบายน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ-ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทร โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติมีความร่วมมือกับ กรมประมง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ในการตรวจวัดกัมมันตภาพรังสีซีเซียม-134 และซีเซียม-137 (Cs-134, Cs-137) ในตัวอย่างอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่พบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีแต่อย่างใด

“สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติมีการรับข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลระดับรังสีในสิ่งแวดล้อมของอาเซียน เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนในกรณีเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีในอากาศและในทะเลอีกด้วย จึงสามารถมั่นใจได้ว่าหากมีเหตุการณ์รั่วไหลที่เกี่ยวข้องดังกล่าว สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ จะสามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันการณ์และสามารถสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชนได้” นายคารมกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กสม.'เผยผลการตรวจสอบ 'ซีเซียม-137' แนะแนวทางเยียวยา ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

กสม. เผยผลการตรวจสอบกรณีวัตถุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 สูญหายใน จ.ปราจีนบุรี แนะแนวทางเยียวยา และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก

'อนุทิน' ชื่นชมทีมจับกุมยาบ้า 4.5 ล้านเม็ด พร้อมเครื่องปั๊ม เตือนทาสยานรก ระวังชักตาย ยาบ้าสูตรใหม่ ส่วนผสมสุดอันตราย เร่งการไฟฟ้า ตรวจสอบการใช้ไฟตามชายแดน หากพบปลายทาง เป็นขบวนการค้ายา ต้องรีบตัดไฟทันที

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางมาแถลงข่าวการจับกุมพ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ ซึ่ง ถูกจับกุมได้ที่จังหวัดสุพรรณบุรีพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 4.5 ล้านเม็ด เครื่องปั๊มเม็ด และยานพาหนะ